แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ที่บรรยายแต่เพียงว่าโจทก์มีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเท่านั้น กับทั้งมิได้บรรยายว่าจำเลยได้กระทำไปโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตน หรือของผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ย่อมเป็นฟ้องที่ขาดสารสำคัญแห่งองค์ประกอบความผิด
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฉ้อโกงเจ้าหนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพี่สาวคนหนึ่งของจำเลยมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่ดินโฉนดเลขที่ 3147เลขที่ 63 ตำบลท่าข้าม อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี เนื้อที่5 ไร่ จำเลยและพี่สาวได้ทำสัญญาจะขายที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์เมื่อได้รับโฉนดจากศาลแล้วเมื่อจำเลยได้รับโฉนดคืนจากศาลแล้วกลับมีเจตนาทุจริตนำที่ดินดังกล่าวไปโอนขายเฉพาะส่วนของตนให้แก่บุคคลอื่น ทำให้โจทก์ซึ่งมีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลที่จะให้จำเลยโอนที่ดินรายนี้ให้เสียหายไม่ได้กรรมสิทธิ์ ส่วนที่เป็นของจำเลยที่ได้ขายไว้แก่โจทก์แล้ว
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า การที่จำเลยจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 นั้นจะต้องปรากฏว่า ในการซื้อขายที่ดิน จำเลยได้กระทำโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือผู้อื่นได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ตามฟ้องของโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รู้เช่นนั้น ฟ้องของโจทก์จึงไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องเพียงว่าโจทก์มีสิทธิที่จะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลเท่านั้น หาได้บรรยายว่าโจทก์ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ตามความในมาตรา 350 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ไม่ ทั้งฟ้องโจทก์ก็มิได้บรรยายว่าจำเลยได้กระทำไปโดยรู้ว่าเจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่น ได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ฟ้องโจทก์จึงขาดสาระสำคัญไม่ครบองค์ประกอบแห่งความผิด พิพากษายืน