คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 78/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดในเวลากลางวัน ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำผิดในเวลากลางคืนและจำเลยก็นำสืบตามที่ปรากฎเหตุเกิดตามคำพะยานโจทกืทั้งสิ้น ไม่เป็นการหลงต่อสู้เช่นนี้ลงโทษจำเลยได้
คำว่า “ข้อเท็จจริง” ตามมาตรา 192 วรรค 2 นั้น ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันอันเป็นสาระสำคัญขององค์แห่งความคิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำผิดในเวลากลางวัน ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยทำผิดในเวลากลางคืน แต่ปรากฎว่าจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ เพราะจำเลยได้นำสืบเป็นเวลากลางคืนเช่นเดียวกับที่ปรากฏเหตุเกิดขึ้นตามคำพะยานโจทก์ทั้งสิ้น
ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง ๔ คนตามมาตรา ๒๕๖ มีกำหนดคนละ ๒ ปี
ศาลฎีกาตัดสินคำว่า “ข้อเท็จจริง” ที่กล่าวไว้ในมาตรา ๑๙๒ แห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญานั้น ต้องเป็นข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันอันเป็นสาระสำคัญขององค์แห่งความผิด แต่เวลาที่กล่าวในฟ้องสำหรับคดีนี้ไม่ใช่สาระสำคัญแห่งองค์กระทำผิดคดีนี้โจทก์ได้อ้างวันซึ่งจำเลยกระทำผิดทั้งจำเลยก็ได้ต่อสู้คดีตามที่พิจารณา-ได้ความตามคำพะยานโจทก์ ฉะนั้นจำเลยจึงมิได้หลงข้อต่อสู้ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share