แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
รองเท้าแตะของโจทก์ร่วมตกอยู่ที่บริเวณประตูบ้านของจำเลยก็เพราะโจทก์ร่วมทำหลุดไว้ เนื่องจากเหตุวิวาทชกต่อยกันระหว่างจำเลยกับ ส. จำเลยจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานแล้วเก็บรองเท้าแตะของโจทก์ร่วมและนำไปมอบให้พนักงานสอบสวนแสดงว่าจำเลยมิได้เอารองเท้าแตะของโจทก์ร่วมไปเป็นของตนหรือผู้อื่นในลักษณะที่เป็นการประทุษร้ายต่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของโจทก์ร่วม แม้จำเลยจะไม่มีสิทธิเก็บเอารองเท้าแตะของโจทก์ร่วมไว้ก็ตาม ก็มิใช่เหตุที่จะถือว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนาทุจริต ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334
จำเลยให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา นางสาววัฒนา แซ่โง้ว ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334ลงโทษจำคุก 15 วัน ปรับ 3,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 10 วัน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่าเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2542 เวลาประมาณ 15 นาฬิกา เกิดเหตุวิวาทชกต่อยกันระหว่างจำเลยกับนายสมชัย แซ่โง้ว พี่ของโจทก์ร่วมที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 655 ซอยกรุงธนบุรี 4 ถนนกรุงธนบุรี แขวงบางลำภูล่าง เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นตึกแถวของจำเลย โจทก์ร่วม นางจินตนา เถียรกิตติ และนายสมคิด แซ่โง้ว พี่อีกสองคนของโจทก์ร่วมเข้าไปร่วมอยู่ในเหตุชกต่อยกันดังกล่าวด้วย ต่อมามีผู้แยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ปรากฏว่ารองเท้าแตะของโจทก์ร่วม 1 ข้างและรองเท้าแตะของนายสมชัย 1 ข้าง ตกอยู่บริเวณประตูบ้านของจำเลย หลังเกิดเหตุจำเลยเก็บรองเท้า 2 ข้างดังกล่าวเข้าไปในบ้านของจำเลยและถ่ายรูปไว้ตามภาพถ่ายหมาย จ.4 วันที่ 4 กรกฎาคม 2542 จำเลยนำรองเท้า 2 ข้างดังกล่าวไปมอบให้ร้อยตำรวจโทโฆษิต เฮงจำรัส พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลสำเหร่ คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือไม่ ในปัญหาข้อนี้เห็นว่า รองเท้าแตะของโจทก์ร่วมตกอยู่ที่บริเวณประตูบ้านของจำเลยก็เพราะโจทก์ร่วมทำหลุดไว้ เนื่องจากเหตุวิวาทชกต่อยกันระหว่างจำเลยกับนายสมชัย จำเลยจึงถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานแล้วเก็บรองเท้าแตะของโจทก์ร่วมและนำไปมอบให้พนักงานสอบสวน แสดงว่าจำเลยมิได้เอารองเท้าแตะของโจทก์ร่วมไปเป็นของตนหรือผู้อื่นในลักษณะที่เป็นการประทุษร้ายต่อกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ของโจทก์ร่วม แม้จำเลยจะไม่มีสิทธิเก็บเอารองเท้าแตะของโจทก์ร่วมไว้ดังที่โจทก์ร่วมอ้างในฎีกาก็ตามก็มิใช่เหตุที่จะถือว่าเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น การกระทำของจำเลยจึงไม่มีเจตนาทุจริต ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน