แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยพูดโต้ตอบกับพลตำรวจ ม. ในระหว่างพลตำรวจ ม. ตรวจดูรถแท็กซี่คันที่จำเลยกับพวกนั่งมา เมื่อพลตำรวจ ม. บอกจำเลยว่าหัวหน้าด่านตรวจคือ ร้อยตำรวจโทปรีชา และพูดต่อไปว่า ถ้าหากจำเลยสงสัย (ว่าเป็นด่านตรวจรถที่ตั้งขึ้นชอบด้วยกฎหมายหรือไม่) ให้ไปสอบถามหัวหน้าด่านได้ จำเลยพูดว่า ‘แค่ร้อยตำรวจโทนั้นกระจอก ไม่อยากคุยด้วยหรอก’ ซึ่งแปลความหมายได้ว่า จำเลยพูดกับพลตำรวจ ม.ว่า จำเลยไม่อยากพูดคุยกับหัวหน้าด่านตรวจที่มียศแค่ร้อยตำรวจโท เพราะจำเลยเห็นว่าหัวหน้าด่านตรวจมียศต่ำไป จำเลยหาได้เจาะจงสบประมาทโจทก์ร่วมว่าเป็นคนต่ำต้อยหรือเลวแต่อย่างใดไม่ คำพูดดังกล่าวจึงเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพเท่านั้น หาใช่เป็นคำด่าหรือเป็นการสบประมาทเหยียดหยามโจทก์ร่วมให้ได้รับความอับอายแต่ประการใดไม่ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๓๖ ให้ปรับ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคำกล่าวของจำเลยเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพ ไม่เป็นการดูหมิ่น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์หาว่าจำเลยกล่าวคำดูหมิ่นร้อยตำรวจโทปรีชาดังฟ้องนั้น ตามข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบปรากฏว่าจำเลยได้พูดโต้ตอบกับพลตำรวจมณฑลในระหว่างพลตำรวจมณฑลตรวจดูรถแท็กซี่คันที่จำเลยกับพวกนั่งมา เมื่อพลตำรวจมณฑลบอกจำเลยว่าหัวหน้าด่านตรวจคือร้อยตำรวจโทปรีชา และพูดต่อไปว่า ถ้าหากจำเลยสงสัยให้ไปสอบถามหัวหน้าด่านได้ จำเลยจึงพูดว่า ‘แค่ร้อยตำรวจโทนั้นกระจอกไม่อยากคุยด้วยหรอก’ ซึ่งแปลความหมายได้ว่า จำเลยพูดกับพลตำรวจมณฑลว่าจำเลยไม่อยากพูดคุยกับหัวหน้าด่านตรวจที่มียศแค่ร้อยตำรวจโท เพราะจำเลยเห็นว่าหัวหน้าด่านตรวจมียศต่ำไป จำเลยหาได้เจาะจงสบประมาทร้อยตำรวจโทปรีชาว่าเป็นคนต่ำต้อยหรือเลวแต่อย่างใดไม่ คำพูดดังกล่าวจึงเป็นคำพูดที่ไม่สุภาพเท่านั้น หาใช่เป็นคำด่าหรือเป็นการสบประมาทเหยียดหยามร้อยตำรวจโทปรีชาให้ได้รับความอับอายแต่ประการใดไม่ ถ้อยคำดังกล่าวจึงไม่เป็นการดูหมิ่นร้อยตำรวจโทปรีชา แม้จำเลยจะกล่าวจริงก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖ จึงไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้กล่าวถ้อยคำตามฟ้องหรือไม่
พิพากษายืน.