แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยฎีกาว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมโดยเอกสารโอนสิทธิเรียกร้องตามฟ้องมิใช่เอกสารที่แท้จริง เป็นการยกเหตุแห่งการเคลือบคลุมคนละเหตุกับที่จำเลยยกขึ้นว่ามาในชั้นอุทธรณ์ โดยในชั้นอุทธรณ์จำเลยอ้างว่าฟ้องเคลือบคลุมเพราะมิได้บรรยายว่าจำเลยชำระหนี้มาแล้วกี่ครั้งจึงเหลือหนี้เงินกู้ 40,000 บาท จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ดังนี้ เหตุแห่งการเคลือบคลุมที่จำเลยอ้างมาในฎีกา จึงมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกู้เงินนางวลัยพร หินทองไป 140,250 บาท จำเลยได้ชำระให้นางวลัยพรไปบ้างแล้ว ต่อมาจำเลยขอลดจำนวนต้นเงินเหลือเพียง40,000 บาท โดยขอผ่อนชำระเดือนละ 500 บาท หลังจากนั้นจำเลยไม่เคยชำระเงินให้นางวลัยพรอีกเลยนางวลัยพรจึงโอนสิทธิเรียกร้องตามหนังสือสัญญากู้ดังกล่าวให้แก่โจทก์ โจทก์ได้มีหนังสือบอกกล่าวการโอนหนี้และแจ้งให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์ภายใน 15 วัน จำเลยได้รับแล้วแต่เพิกเฉย จึงขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ไม่เคยขอกู้ยืมเงินและติดต่อขอลดเงินจากนางวลัยพรสัญญากู้ท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเพราะไม่ได้รับโอนสิทธิเรียกร้องมาโดยชอบ ที่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยกู้เงิน 140,250บาทจากนางวลัยพรได้ชำระหนี้ให้นางวลัยพรแล้วจำนวนหนึ่ง โดยไม่ได้ระบุว่าจำเลยชำระเท่าใด ค้างอีกเท่าใดทำให้จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ถูกต้องฟ้องโจทก์จึงเคลือบคลุม จำเลยเคยกู้ยืมเงินโจทก์แต่มิใช่ฉบับตามฟ้อง จำเลยได้ชำระไปหมดสิ้นแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 40,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยในข้อที่จำเลยฎีกาอ้างว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยเอกสารโอนสิทธิเรียกร้องตามฟ้อง มิใช่เอกสารที่แท้จริงนั้นว่าเป็นการยกเหตุแห่งการเคลือบคลุมคนละเหตุกับที่จำเลยยกขึ้นว่ามาในชั้นอุทธรณ์ กล่าวคือในชั้นอุทธรณ์จำเลยอ้างว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมโดยฟ้องมิได้บรรยายว่า จำเลยชำระหนี้แล้วกี่ครั้งจึงเหลือหนี้เงินกู้ 40,000 บาท จำเลยไม่สามารถต่อสู้คดีได้ ดังนี้ เหตุแห่งการเคลือบคลุมที่จำเลยอ้างมาในฎีกา จึงมิใช่ข้อที่ว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ฯลฯ
พิพากษายืน