แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่าของโจทก์ โดยอ้างว่า ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้า และจำเลยเช่าเพื่อประกอบการค้า
จำเลยต่อสู้ว่าเช่าห้องเป็นที่อยู่อาศัยและทำการค้าด้วยย่อมได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า เพราะอยู่ในเขตเทศบาล
แม้โจทก์รับว่าห้องเช่าอยู่ในเขตเทศบาลและจำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย จำเลยก็คงมีหน้าที่นำสืบว่า จำเลยมีเหตุสมควรได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายพิเศษอย่างไร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเช่าห้องของโจทก์อันอยู่ในทำเลการค้าใช้เป็นที่ประกอบการค้า บัดนี้โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลย ๆ ขัดขืนไม่ส่งมอบห้องคืน จึงขอให้ขับไล่
จำเลยต่อสู้ว่า เช่าห้องโจทก์เป็นที่อยู่อาศัยและทำการค้า ได้รับความคุ้มครองตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
วันชี้สองสถาน โจทก์รับว่า ห้องที่จำเลยเช่า จำเลยใช้เป็นที่อยู่อาศัยด้วย และอยู่ในเขตเทศบาล ฝ่ายจำเลยรับว่า ห้องเช่าอยู่ในทำเลการค้า และจำเลยประกอบการค้าเป็นส่วนใหญ่ แล้วทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อโจทก์รับว่าจำเลยอยู่อาศัยด้วยในห้องเช่านี้ โจทก์ไม่แสดงเหตุซึ่งเข้ากรณียกเว้นตามมาตรา ๑๖ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้รับกันว่าการเช่ารายนี้ไม่มีหนังสือสัญญาเช่าต่อกัน ซึ่งตามปกติแล้วจำเลยยอมไม่มีสิทธิอย่างใดจะอ้างเพื่ออยู่ในห้องรายนี้แต่เนื่องจากห้องเช่ารายนี้อยู่ในเขตที่ใช้พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขันอันเป็นกฎหมายพิเศษจำเลยจึงมีหน้าที่นำสืบว่าตนมีเหตุอันสมควรได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างไร เมื่อต่างไม่ติดใจสืบ จำเลยก็ต้องแพ้คดี พิพากษากลับให้ขับไล่จำเลยออกจากห้องเช่า ฯลฯ