คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 มิได้บังคับให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีอื่นที่ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์จะต้องระบุชนิดหรือประเภทของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดไว้ในคำร้อง เพียงแต่ให้ผู้ร้องแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น แม้ผู้ร้องจะระบุรายการทรัพย์ที่โจทก์นำยึดผิดพลาดไปผู้ร้องก็มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกชำระหนี้ตามตั๋วเงินในฐานะทายาทของนายสุรชัย ปรีชาอนันตกุล ผู้ตาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งหกร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีและนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของผู้ตายเพื่อขายทอดตลาด ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกหนี้ของผู้ร้องตามคำพิพากษาตามยอม และไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่โจทก์ยึดไว้ ขอเฉลี่ยทรัพย์จากทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่ถูกยึด โจทก์คัดค้านว่าหนี้ตามคำพิพากษาของผู้ร้องเกิดขึ้นโดยสมยอม ไม่มีมูลหนี้จริง ทรัพย์ที่ผู้ร้องขอเฉลี่ยนั้นโจทก์มิได้นำยึดไว้ และผู้ร้องมีสิทธิขอเฉลี่ยได้เฉพาะส่วนของจำเลยที่ 1 เท่านั้น ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้ตามคำร้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่ผู้ร้องอ้างมาในคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เป็นหนี้ที่เกิดจากการสมยอมนั้น เห็นว่า ผู้ร้องนำสืบว่า หนี้ดังกล่าวเกิดจากนายสุรชัย ปรีชาอนันตกุล ผู้ตาย นำเช็คมาแลกเงินสดจากผู้ร้องไป เมื่อผู้ร้องรับเงินตามเช็คไม่ได้ ผู้ร้องจึงฟ้องจำเลยที่ 1 กับบุตรในฐานะทายาทให้รับผิดชำระเงินตามเช็ค ในที่สุดจำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมชำระเงินให้แก่ผู้ร้อง และศาลได้พิพากษาตามยอมแล้ว ผู้ร้องมีคำพิพากษาของศาลเป็นหลักอ้างอิง ซึ่งมีผลใช้บังคับได้จนกว่าจะถูกพิพากษากลับหรือแก้หรือเพิกถอนหรือเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบฟังไม่ได้ว่าหนี้ตามคำพิพากษานั้นเกิดจากการสมยอม เมื่อผู้ร้องอ้างว่าไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลย ดังนั้นผู้ร้องจึงมีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้
ที่โจทก์ฎีกาว่า ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์โดยระบุว่า โจทก์นำยึด 3 รายการ แต่ทรัพย์ 3 รายการที่ผู้ร้องระบุมานั้นไม่ปรากฏตามบัญชีทรัพย์ที่โจทก์นำยึดในคดีนี้ ผู้ร้องจึงไม่มีสิทธิขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ได้นั้น พิเคราะห์แล้ว ตามคำร้องของผู้ร้องจะเห็นได้ว่า ผู้ร้องมีความประสงค์ขอเฉลี่ยทรัพย์ของจำเลยที่โจทก์นำยึดไว้ แม้ผู้ร้องจะระบุรายการทรัพย์ที่โจทก์นำยึดผิดพลาดไปก็หาทำให้ผู้ร้องไม่มีสิทธิเฉลี่ยทรัพย์ในคดีนี้ไม่ เพราะทรัพย์ที่โจทก์นำยึดไว้ในคดีนี้ก็คือทรัพย์ของจำเลยนั่นเอง ทั้งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 มิได้บังคับให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นที่ยื่นคำร้องขอเข้าเฉลี่ยทรัพย์จะต้องระบุชนิดหรือประเภทของทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดไว้ลงในคำร้องแต่อย่างใด เพียงแต่ให้ผู้ร้องแสดงให้เห็นว่าเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาได้นำยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษา และผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์อื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share