คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4191/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินจำเลยอยู่ทางทิศใต้ติดต่อกับที่ดินโจทก์ และมีสภาพเป็นที่ต่ำกว่าที่ดินโจทก์ มีทางน้ำธรรมชาติกว้าง 3 เมตร ผ่านที่ดินโจทก์ไปสู่ที่ดินจำเลย การที่จำเลยทำคันดินกั้นทางน้ำนั้นแล้วฝัง่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้วไว้แทนในที่ดินจำเลย เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 วรรคแรก ที่บัญญัติให้เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตน เมื่อน้ำท่วมที่ดินโจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากน้ำระบายไม่ทันถือได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนคันดินกั้นทางน้ำออกและเรียกร้องค่าเสียหายได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นาของจำเลยอยู่ทางทิศใต้ของนาโจทก์มีทางน้ำไหลจากทิศเหนือผ่านนาโจทก์เข้าสู่นาจำเลย จำเลยปิดกั้นทางน้ำไหลในนาจำเลยทำให้น้ำท่วมนาโจทก์เสียหายขอให้จำเลยเปิดคันกั้นน้ำและใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยทำท่อระบายน้ำไว้แล้วไม่ได้ปิดกั้นไม่ให้น้ำไหล และน้ำไม่เคยท่วมนาโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยเปิดคันกั้นน้ำ และให้ใช้ค่าเสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าที่ดินของจำเลยอยู่ทางทิศใต้ของที่ดินโจทก์ และมีสภาพเป็นที่ต่ำกว่าที่ดินของโจทก์น้ำจึงไหลจากที่ดินโจทก์ลงสู่ที่ดินของจำเลย จำเลยได้ทำคันดินกั้นทางน้ำไหลกว้าง ๓ เมตร แล้วฝังท่อระบายน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๘ นิ้ว ไว้แทนในที่ดินของจำเลย……และทางน้ำไหลดังกล่าวเป็นทางน้ำไหลตามธรรมชาติ…….การที่จำเลยทำคันดินปิดกั้นทางน้ำไหลโดยใช้ท่อระบายน้ำขนาดเล็กเพียงท่อเดียวแทน ทำให้น้ำท่วมที่ดินโจทก์ได้รับความเสียหาย เนื่องจากน้ำระบายไม่ทันการกระทำของจำเลยเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๓๙ วรรคแรก ที่บัญญัติให้เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลธรรมดาจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตนรูปคดีจึงฟังได้ว่าจำเลย กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิบังคับให้จำเลยรื้อถอนคันดินกั้นน้ำออกและเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยได้ พยานจำเลยที่นำสืบว่าไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ไม่มีเหตุผลรับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้สำหรับค่าเสียหายนั้น จำเลยมิได้ฎีกาโต้เถียงมาที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์มานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share