แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มอบ น.ส.3 และหนังสือมอบอำนาจที่ลงแต่ลายมือชื่อโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ไว้เพื่อประกันหนี้ค่าปุ๋ยโดยตกลงกันว่าจำเลยที่ 1 จะต้องคืนเมื่อโจทก์ชำระค่าปุ๋ยแล้ว แต่จำเลยที่ 1 กลับนำไปทำสัญญาจำนองไว้กับจำเลยที่ 2 โดยจำเลยที่ 2 ไม่รู้ถึงข้อตกลงพฤติการณ์ของโจทก์ถือได้ว่าได้กระทำไปด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงโจทก์จึงต้องเสี่ยงภัยกับการกระทำของตนนั้น
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 2 เป็นนิติบุคคลประกอบกิจการค้าขายปุ๋ยเคมีต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย จำเลยที่ 2 ได้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้แทนจำหน่ายและรับเงินจากผู้ซื้อส่งให้แก่จำเลยที่ 2 โจทก์เป็นลูกค้าซื้อปุ๋ยเคมีจากจำเลยทั้งสองมาประมาณ 3 – 4 ปี ซึ่งในการติดต่อซื้อขายโจทก์ได้มอบที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์พร้อมกับลงชื่อในแบบใบมอบอำนาจที่มิได้กรอกข้อความให้จำเลยที่ 1 ไว้เป็นประกันการชำระหนี้ค่าปุ๋ย โดยตกลงกันว่าเมื่อชำระค่าปุ๋ยครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ 1 จะต้องคืนเอกสารดังกล่าวให้โจทก์ ครั้นระหว่างเดือนมีนาคม 2514 โจทก์จำเลยคิดบัญชีกัน และโจทก์ได้ชำระหนี้ค่าปุ๋ยให้จำเลยเสร็จสิ้นไปแล้ว โจทก์ขอเอกสารคืน จำเลยที่ 1 ขอผัดเผื่อจะมีการซื้อขายกันอีก แต่โจทก์ก็มิได้ซื้อจากจำเลยอีกเลย ต่อมาทนายความผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 2 มีหนังสือลงวันที่ 21 ตุลาคม 2514 และวันที่ 31 พฤษภาคม 2515 แจ้งให้โจทก์ชำระหนี้จำนองที่ดินของโจทก์ โจทก์ไปตรวจหลักฐานที่ที่ดินอำเภอพิมาย ความปรากฏว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้ทำการจำนองที่ดิน ดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2513 เป็นจำนวนเงิน 60,000 บาท เป็นประกันการชำระหนี้ค่าปุ๋ยกำหนด 1 ปี ซึ่งไม่เป็นความจริง และทั้งโจทก์ก็ได้ชำระค่าปุ๋ยให้แก่จำเลยเสร็จสิ้นไปแล้ว ไม่มีภาระผูกพันต่อกัน โจทก์ได้เจรจากับจำเลยโดยดีแล้ว ตกลงกันไม่ได้ จึงขอให้พิพากษาแสดงว่าสัญญาจำนองเป็นโมฆะ ไม่ผูกพันโจทก์ และให้เพิกถอนเสียกับให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าธรรมเนียมค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ทำการค้าเป็นของตนเองโดยอิสระมิได้เป็นตัวแทนของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2513 โจทก์ได้ทำสัญญาจำนองที่ดินตามฟ้องไว้กับจำเลยที่ 2 เพื่อเป็นประกันหนี้สินที่จำเลยที่ 1 จะพึงมีต่อจำเลยที่ 2 ภายในวงเงิน 60,000 บาท กำหนด 1 ปี โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 กระทำโดยสมัครใจเอง สัญญาจำนองทำขึ้นโดยสุจริตทุกประการ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ไม่ได้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1 เป็นผู้แทนหรือตัวแทน จำเลยที่ 1 เป็นเพียงลูกค้าซื้อสินค้าจากจำเลยที่ 2 ส่วนโจทก์มิใช่ลูกค้าของจำเลยที่ 2 โจทก์เป็นเพียงผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าของจำเลยที่ 1 โดยจำนองที่ดินเป็นประกัน จำเลยที่ 1 ค้างชำระค่าซื้อสินค้าจำเลยที่ 2โจทก์จึงต้องผูกพันตามสัญญาที่จะต้องชำระแทน ข้ออ้างของโจทก์ไม่เป็นความจริงโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 กระทำการแทน การฟ้องคดีของโจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความดังฟ้องและการนำสืบของโจทก์ว่าโจทก์มอบ น.ส.3 และหนังสือมอบอำนาจที่ลงแต่ลายมือชื่อโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ค่าปุ๋ยที่โจทก์ซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยมีข้อตกลงระหว่างกันว่า เมื่อโจทก์ชำระค่าปุ๋ยเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยที่ 1 จะต้องคืน น.ส.3และใบมอบอำนาจแก่โจทก์ แต่จำเลยที่ 1 กลับนำไปทำสัญญาจำนองดังกล่าวไว้กับจำเลยที่ 2 โดยปราศจากอำนาจก็ตาม พฤติการณ์การกระทำของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าได้กระทำไปด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์จึงต้องเสี่ยงภัยกับการกระทำของตนเองนั้น และศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำฟ้องและการนำสืบของโจทก์ด้วยแล้ว กรณีไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ล่วงรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำการโดยไม่สุจริตประการใด โจทก์จึงต้องผูกพันตามสัญญาจำนองนั้น
พิพากษายืน