คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 419/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์มอบ น.ส.3 และหนังสือมอบอำนาจที่ลงแต่ลายมือชื่อโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ค่าปุ๋ยที่โจทก์ซื้อจากจำเลยที่ 1 โดยมีข้อตกลงระหว่างกันว่า เมื่อโจทก์ชำระค่าปุ๋ยเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยที่ 1 จะต้องคืน น.ส.3 และใบมอบอำนาจให้โจทก์ พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่ากระทำไปด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ซึ่งโจทก์ต้องเสี่ยงภัยกับการกระทำของตนเอง เมื่อจำเลยที่ 1 นำใบมอบอำนาจไปกรอกข้อความโดยปราศจากอำนาจ ทำนิติกรรมจำนองที่ดิน น.ส.3 ของโจทก์ไว้กับจำเลยที่ 2 เพื่อเป็นประกันหนี้ค่าปุ๋ยที่จำเลยที่ 1 ซื้อจากจำเลยที่ 2 และกรณีไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้ล่วงรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 2 ได้กระทำการโดยไม่สุจริตประการใด โจทก์จึงต้องผูกพันตามสัญญาจำนองนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๒ เป็นนิติบุคคลประกอบกิจการค้าขายปุ๋ยเคมีต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย จำเลยที่ ๒ ได้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้แทนจำหน่ายและรับเงินจากผู้ซื้อส่งให้แก่จำเลยที่ ๒ โจทก์เป็นลูกค้าซื้อปุ๋ยเคมีจากจำเลยทั้งสองมาประมาณ ๓-๔ ปี ซึ่งในการติดต่อซื้อขายโจทก์ได้มอบที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์พร้อมกับลงชื่อในแบบใบมอบอำนาจ ที่มิได้กรอกข้อความให้จำเลยที่ ๑ ไว้เป็นประกันการชำระหนี้ค่าปุ๋ย โดยตกลงกันว่าเมื่อชำระค่าปุ๋ยครบถ้วนแล้ว จำเลยที่ ๑ จะต้องคืนเอกสารดังกล่าวให้โจทก์ ครั้นระหว่างเดือนมีนาคม ๒๕๑๔ โจทก์จำเลยคิดบัญชีกัน และโจทก์ได้ชำระหนี้ค่าปุ๋ยให้จำเลยเสร็จสิ้นไปแล้ว โจทก์ขอเอกสารคืน จำเลยที่ ๑ ขอผัดเผื่อจะมีการซื้อขายกันอีก แต่โจทก์ก็มิได้ซื้อจากจำเลยอีกเลย ต่อมาทนายความผู้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ ๒ มีหนังสือลงวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๑๔ และวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๑๕ แจ้งให้โจทก์ชำระหนี้จำนองที่ดินของโจทก์ โจทก์ไปตรวจหลักฐานที่ที่ดินอำเภอพิมาย ความปรากฏว่า โจทก์ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ทำการจำนองที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๑๓ เป็นจำนวนเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท เป็นประกันการชำระหนี้ค่าปุ๋ย กำหนด ๑ ปี ซึ่งไม่เป็นความจริง และทั้งโจทก์ก็ได้ชำระค่าปุ๋ยให้แก่จำเลยเสร็จสิ้นไปแล้ว ไม่มีภาระผูกพันต่อกัน โจทก์ได้เจรจากับจำเลยโดยดีแล้ว ตกลงกันไม่ได้ จึงขอให้พิพากษาแสดงว่าสัญญาจำนองเป็นโมฆะ ไม่ผูกพันโจทก์ และให้เพิกถอนเสีย กับให้จำเลยร่วมกันใช้ค่าธรรมเนียมค่าทนายความแทนโจทก์ด้วย
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ทำการค้าเป็นของตนเองโดยอิสระ มิได้เป็นตัวแทนของจำเลยที่ ๒ เมื่อวันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๑๓ โจทก์ได้ทำสัญญาจำนองที่ดินตามฟ้องไว้กับจำเลยที่ ๒ เพื่อเป็นประกันหนี้สินที่จำเลยที่ ๑ จะพึงมีต่อจำเลยที่ ๒ ภายในวงเงิน ๖๐,๐๐๐ บาท กำหนด ๑ ปี โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ กระทำโดยสมัครใจเอง สัญญาจำนองทำขึ้นโดยสุจริตทุกประการ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ไม่ได้แต่งตั้งหรือมอบหมายให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้แทนหรือตัวแทน จำเลยที่ ๑ เป็นเพียงลูกค้าซื้อสินค้าจากจำเลยที่ ๒ ส่วนโจทก์มิใช่ลูกค้าของจำเลยที่ ๒ โจทก์เป็นเพียงผู้ค้ำประกันการชำระหนี้ค่าซื้อสินค้าของจำเลยที่ ๑ โดยจำนองที่ดินเป็นประกัน จำเลยที่ ๑ ค้างชำระค่าซื้อสินค้าจำเลยที่ ๒ โจทก์จึงต้องผูกพันตามสัญญาที่จะต้องชำระแทน ข้ออ้างของโจทก์ไม่เป็นความจริง โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ กระทำการแทน การฟ้องคดีของโจทก์เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะได้ความดังฟ้องและการนำสืบของโจทก์ว่า โจทก์มอบ น.ส.๓ และหนังสือมอบอำนาจที่ลงแต่ลายมือชื่อโจทก์ให้จำเลยที่ ๑ ไว้เพื่อเป็นประกันหนี้ค่าปุ๋ยที่โจทก์ซื้อจากจำเลยที่ ๑ โดยมีข้อตกลงระหว่างกันว่า เมื่อโจทก์ชำระค่าปุ๋ยเสร็จสิ้นแล้ว จำเลยที่ ๑ จะต้องคืน น.ส.๓ และใบมอบอำนาจแก่โจทก์ พฤติการณ์การกระทำของโจทก์ดังกล่าวถือได้ว่าได้กระทำไปด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง โจทก์จึงต้องเสี่ยงภัยกับการกระทำของตนเองนั้น และศาลฎีกาได้พิเคราะห์คำฟ้องและการนำสืบของโจทก์ด้วยแล้ว กรณีไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ ได้ล่วงรู้ถึงข้อตกลงระหว่างโจทก์และจำเลยที่ ๑ ทั้งไม่ได้ความว่าจำเลยที่ ๒ ได้กระทำการโดยไม่สุจริตประการใด โจทก์จึงต้องผูกพันตามสัญญาจำนองนั้น
พิพากษายืน

Share