คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4186/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ขณะผู้เสียหายเดินกลับมาเอากุญแจที่รถจักรยานยนต์ จำเลยกับพวกอีกหนึ่งคนได้ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาจอดข้างรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพวกของจำเลยลงจากรถจักรยานยนต์มาชิงทรัพย์ไปจากผู้เสียหายเสร็จแล้วจึงได้กลับมาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยขับหนีไปเป็นการใช้รถจักรยานยนต์เพื่อไปและกลับจากการกระทำผิด เพื่อให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกรวดเร็วเท่านั้น ไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำผิด ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คน ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันชิงทรัพย์ของนางสาววิมล เกตุทรัพย์ ผู้เสียหายไปโดยทุจริตโดยร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายกระชากคอเสื้อผู้เสียหายไว้ และใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะในการชิงทรัพย์ดังกล่าว เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยได้พร้อมยึดรถจักรยานยนต์ 1 คัน อันเป็นทรัพย์ที่จำเลยกับพวกใช้ในการกระทำความผิดเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339, 340 ตรี, 83, 33 ริบรถจักรยานยนต์ของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนจำนวน6,100 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง ประกอบด้วย มาตรา 340 ตรีลงโทษจำคุก 15 ปี ริบรถจักรยานยนต์ของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 6,100 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…เกี่ยวกับรถจักรยานยนต์ของกลางที่ศาลล่างทั้งสองสั่งริบนี้ เห็นว่า จำเลยได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางไปจอดรอเมื่อพวกของจำเลยซึ่งชิงทรัพย์ของผู้เสียหายเสร็จก็ได้กลับมานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของจำเลยแล้วจำเลยขับหลบหนีไปพฤติการณ์ของจำเลยกับพวกคงฟังได้เพียงว่า เป็นการใช้รถจักรยานยนต์ของกลางไปและกลับจากการกระทำความผิด เพื่อให้พ้นจากการจับกุมโดยสะดวกและรวดเร็วเท่านั้น ไม่ได้ใช้รถจักรยานยนต์ของกลางในการกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) จึงริบรถจักรยานยนต์ของกลางไม่ได้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share