คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2822/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกเข้าไปลักทรัพย์ของผู้เสียหายในเวลากลางคืนแล้วจำเลยถือมีดปลายแหลมเดินเข้าไปในห้องนอนผู้เสียหายแต่ผู้เสียหายตะโกนเรียกให้บิดาช่วยทันทีที่เห็นจำเลยจำเลยผละวิ่งหนีออกจากห้องนอนในขณะนั้นโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้มีดจ้องจี้หรือแสดงท่าทีให้เห็นว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ คงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกอีก 1 คนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธชิงทรัพย์เตารีดไฟฟ้า 1 ลูกของนางแม๊ะย๊ะผู้เสียหายไปโดยทุจริต โดยจำเลยกับพวกได้ร่วมกันขู่เข็ญผู้เสียหายด้วยว่าในทันใดนั้นจะใช้มีดแทงทำร้ายหากขัดขืน ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์ ก่อนคดีนี้จำเลยเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 1 ปี ฐานวิ่งราวทรัพย์และภายในเวลาสามปีนับแต่วันพ้นโทษในคดีดังกล่าวจำเลยได้มากระทำความผิดในคดีนี้อันเป็นความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ซ้ำในอนุมาตราเดียวกันและเป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 507/2524 ของศาลชั้นต้น ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคสอง, 83, 93 กับขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 504/2524

จำเลยให้การรับสารภาพ และรับในข้อเคยต้องโทษ พ้นโทษและเป็นจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยมีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธเท่านั้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7) จำคุก 4 ปี เพิ่มโทษอีกกึ่งหนึ่งเป็นจำคุก 6 ปี จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปีไม่นับโทษต่อให้เพราะคดีดังกล่าวศาลยังมิได้พิพากษา

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จำเลยจะถือมีดปลายแหลมเดินเข้าไปในห้องนอนผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายก็ตะโกนเรียกให้บิดาช่วยทันทีที่เห็นจำเลย และจำเลยผละวิ่งหนีออกจากห้องนอนในขณะนั้น โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้ใช้มีดจ้องจี้ หรือแสดงท่าทีให้เห็นว่าเป็นการขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

พิพากษายืน

Share