แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
นอกจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 แล้ว โจทก์ยังฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นจำเลยที่ 3 และที่ 4 ในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันที่ผู้ตายทำไว้กับโจทก์เพื่อประกันการชำระหนี้ตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทของบริษัท ท. เป็นการฟ้องกองมรดกของผู้ตายเป็นลูกหนี้ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันที่ผู้ตายทำไว้กับโจทก์ เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เฉพาะของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น มิได้มีเจ้าหนี้รายใดฟ้องผู้ตายให้ล้มละลายและศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของผู้ตายเด็ดขาด ทั้งมิได้มีเจ้าหนี้รายใดฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของผู้ตายตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 82 แต่อย่างใด เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจเข้ามาจัดการทรัพย์สินในกองมรดกของผู้ตายหรือเข้ามาต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินในกองมรดกของผู้ตายแทนจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯ มาตรา 22(1) และ (2) จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังคงมีสิทธิต่อสู้คดีที่โจทก์ฟ้องเกี่ยวกับทรัพย์สินในกองมรดกของผู้ตายในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายได้
แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ ที่ให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 เพื่อให้โจทก์ไปขอรับชำระหนี้ต่อไปมาด้วย แต่คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงถือได้ว่าเป็นการที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาฯ มาตรา 45 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1) ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกายกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้องได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจาก โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันที่ทำไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทของบริษัทไทยเมล่อนโปลีเอสเตอร์ จำกัด (มหาชน) และฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 และที่ 2 รับผิดตามสัญญาประกันที่นายสุกรี โพธิรัตนังกูร ทำไว้กับโจทก์เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้ดังกล่าวของบริษัทไทยเมล่อนโปลีเอสเตอร์ จำกัด(มหาชน) ในฐานะทายาทโดยธรรมของนายสุกรีซึ่งถึงแก่ความตายแล้วเป็นจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตามลำดับ ต่อมาในระหว่างพิจารณา ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งจำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 1 ตามลำดับ เพราะศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 และที่ 1 เด็ดขาด ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเห็นว่า คดีสำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ต้องด้วยพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(3) และ 25 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จึงมีอำนาจเข้าว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4 แต่เนื่องจากกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของจำเลยที่ 1 ยังไม่พ้นกำหนด จึงให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 เพื่อให้โจทก์ไปขอรับชำระหนี้ต่อไป ส่วนจำเลยที่ 4 ปรากฏว่าพ้นกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายของจำเลยที่ 2 แล้ว อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 25 และ 93 จึงมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เข้าว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 4 และให้นัดสืบพยานโจทก์และจำเลยที่ 4 ต่อไปต่อมาในวันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเห็นว่า เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาดและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าคดีแทนจำเลยที่ 4 จึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 4 เพื่อให้ไปดำเนินการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ต่อไป และให้ยกเลิกวันนัดสืบพยานจำเลยเสีย
บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยขอสวมสิทธิเข้าเป็นโจทก์แทนธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ตามพระราชกำหนดบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย พ.ศ. 2544 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางอนุญาต
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 4
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า”ประชุมปรึกษาแล้ว ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ตามที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยที่ 2 เด็ดขาด จำเลยที่ 2 ในฐานะทายาทโดยธรรมของนายสุกรี โพธิรัตนังกูรยังสามารถจัดการทรัพย์สินในกองมรดกของนายสุกรีได้เพราะทรัพย์สินในกองมรดกของนายสุกรีไม่ใช่ทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 จึงไม่อยู่ในอำนาจจัดการของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่มีอำนาจเข้ามาจัดการแทนหรือว่าคดีแทนจำเลยที่ 4 การที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์มีความเห็นว่าไม่ขอเข้าว่าคดีแทนลูกหนี้คือจำเลยที่ 4 เป็นเหตุให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 เพื่อให้ไปดำเนินการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483จึงไม่ชอบ ขอให้ศาลชั้นต้นยกคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 4 ขึ้นพิจารณาพิพากษาต่อไปนั้น เห็นว่า ที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นจำเลยที่ 3 และที่ 4 ในฐานะทายาทโดยธรรมของนายสุกรีซึ่งถึงแก่ความตายแล้วให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันที่นายสุกรีทำไว้กับโจทก์เพื่อประกันการชำระหนี้ตามสัญญาเลตเตอร์ออฟเครดิตและสัญญาทรัสต์รีซีทของบริษัทไทยเมล่อนโปลีเอสเตอร์ จำกัด (มหาชน) นั้นเป็นการฟ้องกองมรดกของนายสุกรีเป็นลูกหนี้ให้รับผิดตามสัญญาค้ำประกันที่นายสุกรีทำไว้กับโจทก์ดังกล่าวมิใช่การฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในฐานะส่วนตัวให้รับผิดในหนี้ตามสัญญาค้ำประกันที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำไว้กับโจทก์ตามคำฟ้อง เมื่อศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เฉพาะของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ลูกหนี้เด็ดขาดเท่านั้น มิได้มีเจ้าหนี้รายใดฟ้องนายสุกรีให้ล้มละลายและศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของนายสุกรีเด็ดขาด ทั้งมิได้มีเจ้าหนี้รายใดฟ้องขอให้จัดการทรัพย์มรดกของนายสุกรีตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 82 แต่อย่างใดเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ย่อมไม่มีอำนาจเข้ามาจัดการทรัพย์สินในกองมรดกของนายสุกรีหรือเข้ามาต่อสู้คดีเกี่ยวกับทรัพย์สินในกองมรดกของนายสุกรีแทนจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 22(1) และ (3) จำเลยที่ 1 และที่ 2 ยังคงมีสิทธิต่อสู้คดีที่โจทก์ฟ้องเกี่ยวกับทรัพย์สินในกองมรดกของนายสุกรีในฐานะทายาทโดยธรรมของนายสุกรีได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 4 เพื่อให้ไปดำเนินการตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 จึงไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง แม้โจทก์มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 เพื่อให้โจทก์ไปขอรับชำระหนี้ต่อไปมาด้วย แต่คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยข้างต้นจึงถือได้ว่าเป็นการที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศพ.ศ. 2539 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว มาตรา 45 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243(1) ซึ่งปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศเห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องด้วย”
พิพากษายกคำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางยกคดีของโจทก์สำหรับจำเลยที่ 3 และที่ 4 ขึ้นพิจารณาต่อไป