แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลกับผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งกระทำในนามของจังหวัด ถือได้ว่าจำเลยได้ทำสัญญากับจังหวัด ดังนั้น จังหวัดโดยผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีอำนาจฟ้องจำเลย
โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยขาดส่งเงินค่าสลากกินแบ่งรวม 14 งวด แต่บรรยายงวดที่ขาดส่งเพียง 10 งวด ส่วนอีก 4 งวด บรรยายว่าจำเลยนำเงินหลายๆ งวดรวมส่งเข้าบัญชีในคราวเดียวกัน โดยมิได้แยกว่าเป็นเงินงวดใดบ้างนั้นจำเลยพอเข้าใจข้อความแห่งข้อหาแล้ว ไม่เป็นฟ้องที่เคลือบคลุม
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(5) ที่กำหนดให้มีอายุความ 2 ปี นั้น ได้บัญญัติเฉพาะบุคคลจำพวกที่ขายตั๋วสลากกินแบ่งเรียกเอาเงินค่าที่ได้ขายตั๋วแต่ถ้าเป็นการที่ได้ส่งมอบตั๋วเพียงสำหรับให้ขายต่อไปแล้วก็เข้าข้อยกเว้น ไม่อยู่ในบังคับอายุความ 2 ปี แต่มีอายุความ5 ปี ตามวรรคสุดท้าย โจทก์ส่งมอบสลากกินแบ่งให้จำเลยไปขายอีกต่อหนึ่ง กรณีจึงเข้าข้อยกเว้นดังกล่าว เมื่อนับเงินค้างงวดแรกถึงวันฟ้องยังไม่ถึง 5 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลไปจากโจทก์งวดละ40 เล่ม เพื่อนำไปจำหน่ายให้แก่ลูกค้า จำเลยค้างส่งเงินให้โจทก์งวดละ 7,280 บาท โดยส่งเข้าบัญชีสลากกินแบ่งของโจทก์ที่ธนาคารนครหลวงไทยจำกัด สาขาอยุธยา หลังจากที่จำเลยทำสัญญาและรับสลาก ฯ ไปจากโจทก์แล้วจำเลยนำเงินเข้าบัญชีของโจทก์งวดละ 7,280 บาทหลายงวด คงขาดเงินที่มิได้นำส่ง 14 งวด ๆ ละ 7,280 บาท คืองวดวันที่ 10 พฤษภาคม 251230 ตุลาคม 2512, 10 พฤศจิกายน 2512, 20 พฤศจิกายน 2512, 30 พฤศจิกายน2512, 20 ธันวาคม 2512, 10 มกราคม 2513, 10 กุมภาพันธ์ 2513, 10มีนาคม 2513 รวม 10 งวด ส่วนอีก 4 งวดไม่ปรากฏชัดว่าเป็นงวดใดแน่ เพราะบางคราวจำเลยนำเงินหลาย ๆ งวด รวมส่งเข้าบัญชีโจทก์โดย มิได้แยกว่าเป็นงวดใดบ้าง คงขาดบัญชีรวม 14 งวด คิดเป็นเงิน 101,920 บาท โจทก์ทราบว่าจำเลยส่งไม่ครบถ้วนเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม 2515 ต่อมาวันที่ 24มิถุนายน 2515 จำเลยทำหนังสือยอมรับชำระหนี้แล้วบิดพลิ้วไม่ชำระ จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขาดอายุความ จำเลยไม่เคยทำหนังสือรับสภาพหนี้กับโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 101,920 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยขาดส่งเงินค่าสลากกินแบ่ง 14 งวดเป็นเงิน 101,920 บาทและวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจฟ้องโจทก์ว่าจำเลยทำสัญญากับผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในนามของจังหวัดพระนครศรีอยุธา จึงถือว่าจำเลยทำสัญญากับจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาโจทก์โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีอำนาจฟ้อง
เกี่ยวกับฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ ว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องว่าเฉพาะ4 งวดนั้น บางคราวจำเลยนำเงินหลาย ๆ งวดรวมส่งเข้าบัญชีในคราวเดียวกันโดยมิได้แยกว่าเป็นงวดใดบ้างนั้น เห็นว่า เป็นคำบรรยายฟ้องที่แจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา พอให้จำเลยเข้าใจข้อความแห่งข้อหาได้แล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม
เกี่ยวอายุความว่า ตามมาตรา 165(5) ที่กำหนดให้มีอายุความ 2 ปีนั้นได้บัญญัติ เฉพาะบุคคลจำพวกที่ขายตั๋วสลากกินแบ่งเรียกเอาเงินค่าที่ได้ขายตั๋ว แต่ถ้าเป็นการที่ได้ส่งมอบตั๋ว เพียงสำหรับให้ขายต่อไปแล้ว ก็เข้าข้อยกเว้นตามอนุมาตรานี้ไม่อยู่ในบังคับอายุความ 2 ปี แต่มีอายุความ 5 ปีตามบทบัญญัติวรรคสุดท้ายของมาตรานี้ ข้อเท็จจริงคดีนี้ได้ความว่าเป็นเรื่องที่โจทก์ส่งมอบสลากกินแบ่งให้จำเลยไปขายอีกต่อหนึ่ง กรณีจึงเข้าข้อยกเว้นดังกล่าว คดีจึงมีอายุความ 5 ปี เมื่อนับเงินค้างงวดแรกคืองวดวันที่ 10 พฤษภาคม 2512จนถึงวันฟ้องคือวันที่ 12 มีนาคม 2517 เป็นเวลา 4 ปี 10 เดือนเศษ ยังไม่ถึง5 ปี คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน