คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1113/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีที่จำเลยคนหนึ่งฎีกาคัดค้านคำพิพากษาซึ่งให้ลงโทษจำเลยหลายคนในความผิดฐานเดียวกันนั้น เมื่อศาลฎีกาเห็นควรยกฟ้องเพราะพยานหลักฐานของโจทก์ ไม่พอฟังลงโทษจำเลยคนใดได้ และเป็นเหตุในลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้ฎีกาให้มิต้องรับโทษได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันตีและแทางนายดิเรก แสงสว่าง ด้วยไม้กระบอง และมีดพก ถูกบริเวณเหนือบั้นเอวท้าย เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ ขอให้ลงโทษ
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า พยานหลักฐานตามที่โจทก์นำสืบยังมีข้อน่าระแวงสงสัยหลายประการ จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เชื่อว่า จำเลยที่ ๒ ใช้ไม้กระบองตีผู้เสียหายก่อน แล้วจำเลยที่ ๑ กับที่ ๒ ถือมีดวิ่งเข้าไป จำเลยที่ ๑ แทงผู้เสียหาย ๑ ที ส่วนจำเลยที่ ๓ ไม่ได้แทง พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๒ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๕,๘๓ ให้ลงโทษจำคุกคนละ ๑ ปี
จำเลยที่ ๑ เท่านั้นฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์จะฟังเป็นมั่นเหมาะว่าจำเลยคนใดเป็นผู้กระทำผิดดังคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ได้ทั้งนั้น ชอบแต่จะยกฟ้องของโจทก์เสียตามที่จำเลยที่ ๑ ฎีกาขึ้นมา ส่วนจำเลยที่ ๒ แม้จะไม่มีฎีกาขึ้นมาด้วย แต่เหตุที่ยกฟ้องเป็นเหตุในลักษณะคดี เพราะโจทก์สืบถึงการกระทำของจำเลยเสมือนผูกติดพันกันมาเป็นคนคนเดียวกัน ก็ควรให้จำเลยที่ ๒ พ้นความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปด้วย ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๒๑๓ ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งเรื่อง ปล่อยจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ พ้นข้อหาไป เช่นเดียวกับจำเลยที่ ๑ ด้วย

Share