แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด คือ ปลอมแผ่นป้ายวงกลมเสียภาษีรถยนต์ประจำปี 2541 อันเป็นเอกสารราชการ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ที่แท้จริง และใช้แผ่นป้ายวงกลมเสียภาษีรถยนต์ประจำปี 2541 ที่จำเลยทำปลอมขึ้นไปติดไว้ที่กระจกหน้ารถยนต์ และรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น รวมทั้งบรรยายถึงพฤติการณ์การกระทำของจำเลยด้วยว่า กระทำปลอมโดยวิธีใดและใช้โดยวิธีใด คำฟ้องของโจทก์จึงครบถ้วนสมบูรณ์ เป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานใช้เอกสารปลอม จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ ไม่ได้อุทธรณ์ว่าไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาเพียงว่า ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจเหมาะสมหรือไม่เท่านั้น ดังนั้น การที่จำเลยฎีกาว่า พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้เอกสารราชการปลอม จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 264, 265, 268 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกเป็นมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265) จำคุก 3 ปี คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและสอบสวนนับว่าเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี (ที่ถูกต้องมีถ้อยคำว่า ให้ยกฟ้องสำหรับข้อหาปลอมเอกสารราชการด้วย) ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของจำเลยในข้อแรกว่า ฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์หรือไม่ เห็นว่า ปัญหาว่าฟ้องของโจทก์สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) หรือไม่ นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ แต่สามารถยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้ ซึ่งเมื่อศาลฎีกาได้พิจารณาคำฟ้องของโจทก์แล้ว เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด คือ ปลอมแผ่นป้ายวงกลมเสียภาษีรถยนต์ประจำปี 2541 อันเป็นเอกสารราชการ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคม ที่แท้จริง และใช้แผ่นป้ายวงกลมเสียภาษีรถยนต์ประจำปี 2541 ที่จำเลยทำปลอมขึ้นไปติดไว้ที่กระจกหน้ารถยนต์ คันหมายเลขทะเบียน 7ว – 0214 กรุงเทพมหานคร และรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ คือ กระทำเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2541 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง โดยเหตุเกิดที่แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร รวมทั้งบรรยายถึงพฤติการณ์การกระทำของจำเลยด้วยว่า กระทำปลอมโดยวิธีใดและใช้โดยวิธีใด คำฟ้องของโจทก์จึงครบถ้วนสมบูรณ์ที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว ดังที่จำเลยได้ให้การปฏิเสธและนำสืบปฏิเสธตลอดมา มิได้หลงต่อสู้แต่ประการใด จึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) แล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปว่า จำเลยใช้เอกสารราชการปลอมหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคหนึ่ง (ที่ถูกเป็นมาตรา 268 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 265) โดยวินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมแต่ในชั้นอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์เพียงขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษเท่านั้น มิได้อุทธรณ์ว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมแต่ประการใด ศาลอุทธรณ์จึงพิจารณาเพียงว่า ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจเหมาะสมแล้วหรือไม่เท่านั้น มิได้ก้าวล่วงไปพิจารณาว่า พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังได้หรือไม่ว่า จำเลยมีความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอม การที่จำเลยฎีกาสรุปได้ว่า พยานหลักฐานของโจทก์รับฟังไม่ได้ว่าจำเลยใช้เอกสารราชการปลอมจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 แม้ผู้พิพากษาผู้พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา และมีคำสั่งรับฎีกาในข้อนี้ก็ตาม แต่ก็เป็นฎีกาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน.