แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ในชั้นแรกจำเลยจะเช่าห้องพิพาทเพื่ออยู่อาศัยก็ตาม เมื่อในชั้นหลังนี้ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยใช้ห้องพิพาทเป็นที่ประกอบการค้าแล้ว จำเลยก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าในภาวะคับขัน
จำเลยอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นแต่ฝ่ายเดียว ฉะนั้น โจทก์จะขอถอนฟ้องของโจทก์ทั้งที่จำเลยยอมให้ถอนนั้นไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่มีคำฟ้องชั้นอุทธรณ์ที่จะถอนฟ้องได้
(ฎีกาที่ 624,625,626,627,628/2495 ฯลฯ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่านายกิมจำเลยเช่าห้องเลขที่ ๙๕ ตำบลสวนดอก อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง ซึ่งอยู่ในทำเลการค้า จำเลยเช่าเพื่อการค้าโดยมิได้มีหนังสือและไม่ได้กำหนดเวลาเช่า บัดนี้ไม่ประสงค์ให้โจทก์เช่า ได้บอกเลิกการเช่าแล้ว จำเลยไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่ ฯลฯ
นายกิมจำเลยต่อสู้ว่า นางเง็กมารดาจำเลยเป็นผู้เช่าอยู่อาศัย ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯ
โจทก์ขอให้เรียกนางเง็กเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต
นางเง็กต่อสู้ทำนองเดียวกับนายกิมจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทภายใน ๑ เดือน ฯลฯ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นางเง็กจำเลยฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันว่า ห้องเช่ารายนี้ในปัจจุบันอยู่ในทำเลการค้า และพวกจำเลยก็ทำการค้า ดังนั้นแม้ขั้นแรกจะเช่าเป็นที่อยู่อาศัยก็ดี แต่ในชั้นหลังนี้ เมื่อจำเลยผู้เช่าใช้ห้องเช่านั้นเป็นที่ประกอบธุระกิจการค้า จึงไม่ได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ควบคุมค่าเช่าฯ โดยนัยแห่งคำพิพากษาฎีกาที่ ๖๒๔,๖๒๕,๖๒๖,๖๒๗,๖๒๘,/๒๔๙๕
ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาเรื่องศาลอุทธรณ์สั่งยกคำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ทั้งที่จำเลยยินยอมให้ถอนนั้น เห็นว่าคดีนี้จำเลย อุทธรณ์ฝ่ายเดียว โจทก์หาได้อุทธรณ์คดีนี้ไม่ ฉะนั้น โจทก์จึงไม่มีคำฟ้องชั้นอุทธรณ์ที่จะถอนฟ้องได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน