แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำฟ้องคดีนี้เป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยากซึ่งตาม ป.วิ.พ. มาตรา 196 วรรคสอง (เดิม) ประกอบมาตรา 193 วรรคหนึ่ง วรรคสอง วรรคสามและวรรคสี่ (เดิม) บัญญัติถึงกรณีที่จะถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การนั้น คือ กรณีที่จำเลยมาศาลตามวันที่กำหนดในหมายเรียกแต่ไม่ยอมให้การโดยศาลไม่ต้องมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแต่ประการใด แต่คดีนี้ในวันนัดแก้ข้อหาและนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าว ทนายจำเลยได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วถือได้ว่าเป็นการเลื่อนทั้งคดีซึ่งหมายถึงการให้การแก้ข้อหาและสืบพยานโจทก์ด้วย มิใช่กรณีที่จำเลยมาศาลแต่ไม่ยอมให้การ และศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่ยอมให้เลื่อนเวลา ให้จำเลยยื่นคำให้การและดำเนินการพิจารณาต่อไปตามที่กฎหมายกำหนดแต่ประการใด ศาลชั้นต้นจึงควรกำหนด วันนัดให้จำเลยแก้ข้อหาใหม่ การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ จำเลยจึงไม่จำต้องยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การแต่อย่างใด แม้การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การและศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้องก็ตาม ก็หามีผลให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การให้กลับเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายไม่
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฟ้องเป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยากและให้พิจารณาคดีอย่างคดีมโนสาเร่ นัดจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การแก้ข้อหาและสืบพยานโจทก์ เมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ครั้นถึงวันนัดศาลให้เลื่อนไป สืบพยานโจทก์และมีคำสั่งในวันนั้นว่า จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ต่อมาจำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๐ ว่าจำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การโดยจงใจ ไม่มีเหตุอันสมควรไม่อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ ยื่นคำให้การ ให้ดำเนินคดีต่อไป ในวันเดียวกันนั้น จำเลยที่ ๒ ได้ยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ขออนุญาตยื่นคำให้การแต่ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยที่ ๒ ยื่นคำให้การตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๐ จึงไม่รับคำให้การจำเลยที่ ๒
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ไม่แก้อุทธรณ์ จึงไม่มีกำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาปัญหาว่าคำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๐ ที่สั่งให้จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำให้การจำเลยฉบับลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๐ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ปัญหานี้ศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัย และโจทก์ได้ฎีกาเป็นประเด็นไว้ในคำฟ้องฎีกาแล้ว ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปเลยโดยไม่ต้องย้อนสำนวน เห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำฟ้องเป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยาก ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๖ วรรคสอง บัญญัติว่า “ถ้าศาลเห็นว่าคดีนั้นปรากฏในเบื้องต้นว่า เป็นคดีไม่มีข้อยุ่งยาก ไม่ว่าโจทก์จะได้ยื่นคำขอตามวรรคหนึ่งหรือไม่ ก็ให้ศาลมีคำสั่งพิจารณาคดีนั้นตามข้อบังคับที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้ว่าด้วยคดีมโนสาเร่
” และมาตรา ๑๙๓ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ถ้าศาลเห็นว่าคดีนั้นเป็นคดีมโนสาเร่ ให้ศาลออกหมายเรียกไปยังจำเลย ในหมายนั้นให้จดแจ้งประเด็นแห่งดคีและจำนวนทุนทรัพย์หรือราคาที่เรียกร้อง และข้อความว่าให้จำเลยมาศาลและให้จำเลยให้การในวันเดียวกันนั้น หรือในวันอื่นต่อมาตามแต่ศาลจะเห็นสมควร โดยมิให้เป็นการเสียหายแก่การต่อสู้คดี” วรรคสองบัญญัติว่า ” เมื่อจำเลยมาศาลตามวันที่กำหนดไว้ในหมายเรียก จำเลยจะยื่นคำให้การเป็นหนังสือ หรือจะให้การด้วยวาจาก็ได้ ในกรณีหลังนี้ให้ศาลจดรายงานพิสดารแห่งคำให้การไว้อ่านให้จำเลยฟังแล้วให้จำเลยลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ” วรรคสามบัญญัติว่า “ถ้าจำเลยมาศาลพร้อมด้วยโจทก์และศาลไม่เห็นสมควรเลื่อนเวลาให้จำเลยเตรียมตัวสู้คดี ศาลจะอ่านรายงานแห่งใจความที่โจทก์ฟ้องให้จำเลยฟังแล้วกำหนดให้จำเลยให้การแก้ฟ้องด้วยวาจาไปทีเดียวก็ได้” วรรคสี่บัญญัติว่า “ในกรณีใดกรณีหนึ่งดังกล่าวมาแล้ว ถ้าจำเลยไม่ให้การ ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลพินิจมีคำสั่งไม่ยอมให้เลื่อนเวลาให้จำเลยยื่นคำให้การและดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปโดยถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ” จากบทบัญญัติดังกล่าวกรณีที่จะถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ คือกรณีที่จำเลยมาศาลตามวันที่กำหนดในหมายเรียกแต่ไม่ยอมให้การโดยศาลไม่ต้องมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแต่ประการใด แต่คดีนี้ในวันนัดแก้ข้อหาและนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าว ทนายจำเลยที่ ๒ ได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดี และศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนคดีแล้วถือได้ว่าเป็นการเลื่อนทั้งคดีซึ่งหมายถึงการให้การแก้ข้อหาและสืบพยานโจทก์ด้วย มิใช่กรณีที่จำเลยที่ ๒ มาศาลแต่ไม่ยอมให้การ และศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่ยอมให้เลื่อนเวลาให้จำเลยที่ ๒ ยื่นคำให้การและดำเนินการพิจารณาต่อไปตามที่กฎหมายกำหนดแต่ประการใด ศาลชั้นต้นจึงควรกำหนดวันนัดแก้ข้อหาใหม่สำหรับจำเลยที่ ๒ การที่ศาลชั้นต้นด่วนมีคำสั่งว่าจำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ จำเลยที่ ๒ จึงไม่จำต้องยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การแต่อย่างใด แม้การที่จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การฉบับลงวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๔๐ และศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งยกคำร้องก็ตาม ก็หามีผลให้คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การกลับเป็นคำสั่งที่ขอบด้วยกฎหมายไม่ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำให้การจำเลยที่ ๒ ฉบับลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๐ จึงเป็นการไม่ชอบ
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งว่าจำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การ ให้ศาลชั้นต้นรับคำให้การจำเลยที่ ๒ และบัญชีระบุพยานฉบับลงวันที่ ๑๗ ตุลาคม ๒๕๔๐ แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป