คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4151/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฎีกาผู้ร้องที่ว่าในทางพิจารณาไม่มีการสืบพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่ว่าจ. ได้จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกของต. และจ. ก็ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ยกให้แก่ผู้คัดค้านในวันเดียวกันแต่ศาลอุทธรณ์กลับหยิบยกเอาข้อเท็จจริงนอกสำนวนนี้ขึ้นมาวินิจฉัยพิพากษาคดีจึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นเมื่อข้อเท็จจริงดังกล่าวมีอยู่ในสำนวนมิใช่ข้อเท็จจริงนอกสำนวนการที่ผู้ร้องกลับฎีกาว่าไม่มีข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเมื่อทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน200,000บาทต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา248วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของ นายลิ้ม วิงวอนกับนางยาม วิงวอน มารดาผู้ร้องเป็นบุตรของ นายเจียม อาวรณ์นางโหมด อาวรณ์ เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 521 มีชื่อนายเจียม กับนางโหมด เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ปัจจุบันมีชื่อผู้คัดค้านถือกรรมสิทธิ์ เมื่อประมาณ 50 ปีมาแล้ว นายเจียม กับ นางโหมด ให้ที่ดินพิพาทซึ่งเป็นที่ดินทางด้านทิศใต้เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ แก่มารดาผู้ร้องเพื่อใช้ปลูกบ้านอยู่อาศัย การให้ไม่ได้ทำให้หนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่มารดาผู้ร้องเข้าครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทที่ได้รับให้อย่างเป็นเจ้าของมีอาณาเขตการครอบครองแน่นอน ต่อมามารดาผู้ร้องให้ที่ดินพิพาทแก่ผู้ร้อง ผู้ร้องครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทอย่างเป็นเจ้าของตลอดมาเป็นเวลากว่า10 ปี จึงได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดดังกล่าวเฉพาะส่วนที่ดินพิพาทขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีเจตนาที่จะครอบครองที่ดินพิพาทเป็นของตน ผู้ร้องไม่ได้แสดงเจตนาเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งการยึดถือต่อผู้คัดค้าน ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ให้ยก คำร้องขอ
ผู้ร้อง อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
ผู้ร้อง ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่ผู้ร้องฎีกาว่าในทางพิจารณาไม่มีการสืบพยานหลักฐานข้อเท็จจริงที่ว่า “นายเจียม ได้จดทะเบียนรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมรดกของนางสาวแตงอ่อน และนายเจียม ก็ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ยกให้แก่ผู้คัดค้านในวันเดียวกัน”แต่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 กลับหยิบยกเอาข้อเท็จจริงนอกสำนวนนี้ขึ้นมาวินิจฉัยพิพากษาคดี จึงเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย พิเคราะห์แล้วข้อเท็จจริงดังกล่าว ปรากฎตามสำเนาสารบาญแก้ทะเบียนโฉนดที่ดินเอกสารท้ายคำร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินของผู้ร้องเอง มิใช่ข้อเท็จจริงนอกสำนวน แต่เป็นข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบเมื่อมีข้อเท็จจริงในสำนวนดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัย แต่ผู้ร้องกลับฎีกาว่าไม่มีข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและที่ดินพิพาทอันเป็นทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกามีราคา100,000 บาท จึงเป็นคดีที่ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท ต้องห้ามมิให้ฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายก ฎีกา ของ ผู้ร้อง

Share