แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายกับจำเลยด่าว่ากันแล้วผู้ตายใช้จอบตีจำเลยแต่ผิด จอบติดดิน ผู้ตายต้องใช้เวลาดึงจอบประมาณ 1 นาที ขณะที่จอบผู้ตายติดดินอยู่นี้ จำเลยมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงไปได้ถ้าจำเลยไม่สมัครใจจะวิวาทกับผู้ตาย การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายโดยแรงเช่นนี้ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายอันเนื่องมาจากการด่าว่ากันอย่างรุนแรง และเกิดโมโหขึ้นมา ทั้งจำเลยและผู้ตายต่างถือจอบเป็นอาวุธพร้อมที่จะทำร้ายกันได้ พอฝ่ายผู้ตายตีจำเลยผิด จำเลยก็ตีผู้ตายได้ทันที จึงเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิหาได้ไม่
จำเลยใช้จอบซึ่งยาวประมาณ 1 วา คมจอบกว้างประมาณ 6 นิ้วฟุต ตีผู้ตายที่ศีรษะโดยแรง มีบาดแผล 2 แห่ง คือ ที่กลางกระหม่อมกว้าง 13 เซ็นติเมตร ยาว 18 เซ็นติเมตร กระโหลกศีรษะแตก และที่ขมับขวาแผลกว้าง 2 เซ็นติเมตร ยาว 9 เซ็นติเมตร กระโหลกศีรษะร้าว ตามลักษณะเช่นนี้ เห็นได้ว่าจำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำได้ว่าอาจทำให้ถึงตายได้ จึงฟังได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยใช้จอบเป็นอาวุธ ตีฟันนายดัด สามารถ ที่บริเวณศีรษะ ๒ แผล โดยเจตนาฆ่า นายดัดได้ถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลที่ถูกทำร้าย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘
จำเลยต่อสู้ว่า ป้องกันตัว
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยมีเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ให้จำคุก ๑๖ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำเบิกความของจำเลยมีประโยชน์ในการพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ จำคุก ๑๐ ปี
จำเลยฎีกา ว่าไม่เจตนาฆ่าและเพื่อป้องกันตัว
ศาลฎีกาเห็นว่า ในข้อที่จำเลยฎีกาว่าป้องกันนั้น เห็นว่าจำเลยใช้จอบตีผู้ตายในขณะที่ผู้ตายกำลังชักจอบขึ้นจากดิน หาใช่ผู้ตายยกจอบขึ้นจะตีจำเลยอีกดังที่จำเลยเบิกความไม่และจะฟังว่าจำเลยถอยไปติดคันนาก็ไม่มีพยานทั้งโจทก์จำเลยคนใดว่าเช่นนั้น ในระยะที่จอบผู้ตายติดดินอยู่นี้ จำเลยมีโอกาสจะหลีกเลี่ยงไปได้ ถ้าจำเลยไม่สมัครใจจะวิวาทกับผู้ตาย การที่จำเลยใช้จอบตีผู้ตายโดยแรงขณะที่จอบผู้ตายติดดิน แสดงว่าจำเลยมีเจตนาจะทำร้ายผู้ตายอันเนื่องมาจากด่าว่ากันอย่างรุนแรงและเกิดโมโหขึ้นมา ทั้งจำเลยและผู้ตายต่างถือจอบเป็นอาวุธพร้อมที่จะทำร้ายกันได้ พอฝ่ายผู้ตายตีจำเลยผิด จำเลยก็ตีผู้ตายได้ทันที จึงเป็นเรื่องสมัครใจวิวาทกัน จำเลยจะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิของจำเลยหาได้ไม่ ที่จำเลยกล่าวในฎีกาอีกข้อหนึ่งว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่านั้น เห็นว่า ผู้ตายถูกจำเลยตีที่ศีรษะ ๒ แห่ง คือ ที่กลางกระหม่อมแห่งหนึ่งแผลกว้าง ๑๓ เซ็นติเมตร ยาว ๑๘ เซ็นติเมตร กระโหลกศีรษะแตก อีกแห่งหนึ่งที่ขมับขวา แผลกว้าง ๒ เซ็นติเมตร ยาว ๙ เซ็นติเมตร กระโหลกศีรษะร้าว จอบที่จำเลยใช้ตีนั้น ยาวประมาณ ๑ วา คมจอบกว้างประมาณ ๖ นิ้วฟุต เมื่อผู้ตายถูกตีแล้วพูดอะไรไม่ได้ อยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแก่ความตาย ตามลักษณะนี้ จำเลยย่อมเล็งเห็นผลแห่งการกระทำของจำเลยอยู่ดีว่าอาจทำให้ถึงตายได้ ข้อที่จำเลยฎีกาว่าไม่มีเจตนา จึงไม่อาจฟังได้ พิพากษายืน