คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 415/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ว่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้นั้นมิได้หมายความแต่ผู้ที่จะต้องเป็นโจทก์ฟ้องร้องฝ่ายเดียวย่อมหมายรวมถึงการต่อสู้คดีด้วยเพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเดิมโจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินปลูกโรงเรือน ต่อมาโจทก์อนุญาตให้จำเลยอาศัยโดยไม่ต้องเสียค่าเช่า บัดนี้โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ จึงได้บอกให้จำเลยออกไป จำเลยไม่ยอมออกขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหายเดือนละ 500 บาทจนกว่าจำเลยจะออกไป

จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้อาศัย แต่เช่าจากโจทก์

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า เป็นเรื่องเช่าดังที่จำเลยต่อสู้ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าอาศัย จะพิพากษาขับไล่จำเลยในเหตุนี้ไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการเช่าตามที่จำเลยอ้าง เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 จำเลยก็ไม่อาจยกสิทธิการเช่าขึ้นอ้างยันต่อโจทก์ได้ ค่าเสียหายควรให้เพียงเดือนละ 300 บาทพิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 300 บาทแก่โจทก์จนกว่าจำเลยจะออกไป

จำเลยฎีกาว่า ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 มิได้ห้ามการที่จะยกข้อเท็จจริงขึ้นเป็นข้อต่อสู้

ศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 มิได้หมายความแต่ผู้ที่จะต้องเป็นโจทก์ฟ้องร้องอย่างเดียว ย่อมหมายถึงการต่อสู้คดีด้วยเพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย คดีนี้เมื่อไม่ปรากฏว่ามีเอกสารสัญญาเช่าต่อกันตามที่กฎหมายบังคับไว้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอ้างการเช่าต่อกันหาได้ไม่

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share