แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ว่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้นั้น มิได้หมายความแต่ผู้ที่จะต้องเป็นโจทก์ฟ้องร้องฝ่ายเดียว ย่อมหมายรวมถึงการต่อสู้คดีด้วย เพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าเดิมโจทก์ให้จำเลยเช่าที่ดินปลูกโรงเรือนต่อมาโจทก์อนุญาตให้จำเลยอาศัยโดยมไม่ต้องเสียค่าเช่าบัดนี้โจทก์ไม่ประสงค์ให้จำเลยอยู่ จึงได้บอกให้จำเลยออกไป จำเลยไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่และใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๕๐๐ บาทจนกว่าจำเลยจะออกไป
จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้อาศัย แต่เช่าจากโจทก์
ศาลชั้นต้น พิจารณาแล้วฟังว่า เป็นเรื่องเช่าดังที่ จำเลยต่อสู้ เมื่อโจทก์ฟ้องว่าอาศัย จะพิพากษาขับไล่จำเลยในเหตุไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการเช่าตามที่จำเลยอ้าง เมื่อไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๓๘ จำเลยก็ไม่อาจยกสิทธิการเช่าขึ้นอ้างยันต่อโจทก์ได้ ค่าเสียหายควรให้เพียงเดือนละ ๓๐๐ บาท พิพากษากลับ ให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ ๓๐๐ บาทแก่โจทก์จนกว่าจำเลยจะออกไป
จำเลยฎีกาว่า ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๓๘ มิได้ห้ามการที่ยกข้อเท็จจริงขึ้นเป็นข้อต่อสู้
ศาลฎีกาเห็นว่าป.พ.พ. มาตรา ๕๓๘ มิได้หมายความแต่ผู้ที่จะต้องเป็นโจทย์ฟ้องร้องอย่างเดียว ย่อมหมายถึงการต่อสู้คดีด้วย เพราะการบังคับคดีย่อมทำได้ด้วยกันทั้งสองฝ่ายคดีนี้เมื่อไม่ปรากฎว่ามีเอกสารสัญญาเช่าต่อกันตามที่กฎหมายบังคับไว้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะอ้างการเช่าต่อกันหาได้ไม่
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์