คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4139/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในประเด็นว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทหรือไม่นั้นลำพังเพียงแต่โจทก์ยื่นคำให้การไว้ในคดีแพ่งคดีหนึ่งว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของห้องแถวพิพาท กับโจทก์ได้เบิกความไว้ในคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งว่าจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดินโจทก์ปลูกห้องพิพาทเองนั้น ไม่ถึงกับปิดปากโจทก์มิให้เถียงเป็นอย่างอื่นได้ คำให้การและคำเบิกความรับของโจทก์ในคดีเรื่องอื่นถือว่าเป็นเพียงพยานหลักฐานที่จำเลยจะนำสืบอ้างอิงมายันโจทก์เท่านั้นส่วนการที่ศาลจะรับฟังว่าห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หรือไม่ เป็นเรื่องที่ศาลจะใช้ดุลพินิจชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่ายต่อไป การที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วด่วนวินิจฉัยว่าห้องพิพาทมิใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น จึงเป็นการไม่ชอบ

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องใจความทำนองเดียวกันว่า ห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์ได้ให้จำเลยทั้งสองเช่าห้องดังกล่าว ต่อมาเจ้าของที่ดินที่ใช้ปลูกห้องพิพาทได้ฟ้องขับไล่โจทก์กับจำเลยนทั้งสอง ระหว่างพิจารณาเจ้าของที่ดินได้ถอนฟ้องโจทก์แล้วทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยทั้งสอง ตกลงให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนห้องพิพาทโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์ทักท้วงจำเลยทั้งสองกลับอ้างว่าห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสอง จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์

จำเลยทั้งสองให้การมีใจความทำนองเดียวกันว่า ห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยทั้งสอง โจทก์เคยยื่นคำให้การไว้ในคดีแพ่งเรื่องอื่นว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลยทั้งสอง และโจทก์ยังเคยเบิกความในคดีแพ่งอีกคดีหนึ่งว่า จำเลยทั้งสองเป็นผู้ปลูกห้องพิพาทเอง ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ได้เคยยื่นคำให้การและเบิกความในคดีแพ่งเรื่องอื่นว่าโจทก์มิได้เป็นเจ้าของห้องแถวพิพาท แต่เป็นของจำเลยทั้งสอง คำให้การและคำเบิกความรับของโจทก์ที่เป็นผลเสียแก่โจทก์ ย่อมปิดปากโจทก์มิให้เถียงเป็นอย่างอื่นได้ต้องฟังว่าห้องพิพาทมิใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป แล้วมีคำพิพากษาใหม่ตามรูปคดี

จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เกี่ยวกับปัญหาว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทเลขที่ 159/1 และเลขที่ 159/2 หรือไม่นั้น ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลวินิจฉัยเป็นข้อยุติแต่ประการใด ลำพังเพียงแต่โจทก์ยื่นคำให้การไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 182/2527 และหมายเลขแดงที่ 180/2527 ของศาลชั้นต้นว่า โจทก์มิได้เป็นเจ้าของห้องพิพาทเลขที่ 159/2 และเลขที่ 159/1 แต่ห้องพิพาทเป็นของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2ตามลำดับ กับโจทก์ได้เบิกความไว้ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 185/2525 ของศาลชั้นต้นว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่างเป็นผู้เช่าที่ดินโจทก์ปลูกห้องพิพาทเองนั้นยังไม่ถึงกับปิดปากโจทก์มิให้เถียงเป็นอย่างอื่นได้ คำให้การและคำเบิกความรับของโจทก์ในคดีเรื่องอื่น ถือว่าเป็นเพียงพยานหลักฐานที่จำเลยทั้งสองในคดีนี้จะนำสืบมาอ้างอิงยันโจทก์ในคดีนี้เท่านั้น ส่วนการที่ศาลจะรับฟังว่าห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์หรือไม่ เป็นเรื่องที่ศาลจะใช้ดุลพินิจวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของคู่ความทั้งสองฝ่ายต่อไป ที่ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วด่วนวินิจฉัยว่า ห้องพิพาทเลขที่ 159/1 และเลขที่ 159/1มิใช่กรรมสิทธิ์ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จึงเป็นการไม่ชอบ

พิพากษายืน

Share