แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
น้ำใช้แล้วหรือน้ำโสโครกไม่อยู่ในความหมายของน้ำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339,1340 ซึ่งหมายความเฉพาะน้ำตามธรรมชาติ เช่นน้ำฝนเป็นต้น
ย่อยาว
โจทก์ทั้งเจ็ดฟ้องว่า โจทก์ทั้งเจ็ดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และครอบครองบ้านในเขตเทศบาลตำบลปากแพรก อำเภอทุ่งสงจังหวัดนครศรีธรรมราช จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินด้านทิศตะวันออกของบ้านโจทก์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เช่าที่ดินแปลงดังกล่าวจากจำเลยที่ 2 ที่ดินอันเป็นที่ตั้งบ้านโจทก์มีระดับสูงกว่าที่ดินของจำเลยที่ 2 น้ำจากบ้านโจทก์ระบายไหลผ่านที่ดินจำเลยที่ 2 ไปสู่ทางน้ำทางทิศตะวันออกของที่ดินจำเลยที่ 2 และเป็นเช่นนี้มาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว ครั้นเดือนมีนาคม 2520 จำเลยที่ 1 ถมที่ดินแปลงที่เช่าจากจำเลยที่ 2 สูงกว่าระดับบ้านโจทก์ปิดทางระบายน้ำจากบ้านโจทก์ทางด้านทิศตะวันออกโจทก์จึงร่วมกันทำทางระบายน้ำเลียบด้านหลังบ้านซึ่งติดกับที่ดินจำเลยที่ 2 ไปทางทิศใต้ ผ่านสุดเขตที่ดินจำเลยที่ 2 ลงสู่ทางน้ำของเทศบาล ครั้นวันที่ 16 เมษายน 2520 จำเลยที่ 1 บังอาจปิดกั้นทางระบายน้ำดังกล่าวทำให้โจทก์เดือดร้อน ขอให้พิพากษาบังคับห้ามจำเลยปิดกั้นทางระบายน้ำและจัดการทำให้สิ่งกีดขวางทางระบายน้ำหมดสิ้นไป หรือให้โจทก์จัดทำเองโดยจำเลยที่ 1 เสียค่าใช้จ่าย
จำเลยที่ 1 ให้การว่า เดิมที่ดินของจำเลยที่ 2 กับที่ดินโจทก์มีระดับเสมอกัน ต่อมาโจทก์ถมดินในที่ดินของโจทก์จึงทำให้ที่ดินของโจทก์มีระดับสูงกว่าที่ดินของจำเลยที่ 2 กรณีไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 โจทก์สร้างอาคารฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง โดยไม่สร้างทางระบายน้ำจากอาคารโจทก์ลงไปทางระบายน้ำของเทศบาล ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เดิมที่ดินจำเลยที่ 2 กับที่ดินโจทก์มีพื้นที่ระดับเดียวกัน แต่โจทก์มาถมดินภายหลังจึงทำให้ที่ดินของโจทก์สูงกว่าที่ดินของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 ไม่จำต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการระบายน้ำจากที่ดินโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่ดินโจทก์สูงขึ้นเพราะการถมไม่ใช่สูงโดยธรรมชาติ โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้จำเลยเปิดทางระบายน้ำ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งเจ็ดอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า น้ำที่โจท์ระบายเป็นน้ำที่ใช้แล้วหรือน้ำโสโครกไม่ใช่เป็นการระบายน้ำที่โจทก์ได้ประโยชน์เพิ่มขึ้น และไม่ใช่น้ำที่ไหลตามธรรมดาจากที่สูง จึงนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 วรรคแรก และมาตรา 1340 มาปรับไม่ได้ พิพากษายืนในผล
โจทก์ทั้งเจ็ดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีตามฟ้องเป็นเรื่องพิพาทกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 และมาตรา 1340แม้ที่ดินของโจทก์ทั้งเจ็ดจะสูงกว่าที่ดินของจำเลยที่ 2 โดยธรรมชาติแต่โจทก์ก็ไม่อาจขอให้จำเลยที่ 2 เปิดทางระบายน้ำได้ เพราะกรณีที่เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลเพราะระบายจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตนตามมาตรา 1340 นั้น หมายถึงน้ำตามธรรมชาติเช่นน้ำฝนเป็นต้น หาใช่น้ำโสโครกดังเช่นกรณีของโจทก์ไม่
พิพากษายืน