แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซึ่งเป็นบิดาจำเลยได้จดทะเบียนยกที่ดินมีโฉนดพร้อมเรือนหนึ่งหลังในที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลย โดยตกลงกันว่าจำเลยจะต้องแบ่งส่วนหนึ่งของที่ดินที่ยกให้นั้น ให้แก่พี่สาวของจำเลย แต่ต่อมาเมื่อจำเลยได้ขอแบ่งแยกโฉนดส่วนที่จะยกให้แก่พี่สาวจำเลยแต่ไม่ยอมจดทะเบียนยกให้ตามที่ตกลงไว้ ก็เป็นเพียงการผิดข้อตกลงที่ทำไว้ด้วยวาจาแก่โจทก์ ทำให้โจทก์เกิดความเสียใจที่บุตรมิได้ปฏิบัติตามคำพูดที่ให้ไว้แก่โจทก์ เนื้อแท้แห่งข้อเท็จจริงดังกล่าวมิได้ทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงถึงขนาดจะเรียกถอนคืนการให้ได้ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 531(2) ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประพฤติเนรคุณต่อโจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๕๓๑ ให้แก่จำเลยโดยมีข้อตกลงกันว่าจำเลยจะต้องยกที่ดินโฉนดดังกล่าวเนื้อที่ ๑๒ ตารางวา ให้แก่นางบุญมีพี่สาวจำเลย ต่อมาจำเลยได้แบ่งแยกที่ดินโฉนดดังกล่าวเสร็จแต่ไม่ยอมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่นางบุญมีตามที่รับปากไว้ ทำให้โจทก์ได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างร้ายแรงและเสียชื่อเสียงได้รับความติฉินนินทาจากชาวบ้านว่าไม่ยุติธรรมและทำความเดือดร้อนให้แก่บุตร โจทก์ขอให้จำเลยเห็นใจ จำเลยกลับแสดงกิริยาโกรธเคืองโจทก์ โจทก์จึงต้องไปอาศัยอยู่กับพระภิกษุที่วัดพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ โจทก์มีสิทธิเรียกที่ดินคืนได้ ขอให้พิพากษาบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์คืนแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยมิได้เนรคุณต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดตามฟ้องคืนให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ผู้ให้ซึ่งเป็นบิดาของจำเลยได้ยกที่ดินโฉนดเลขที่ ๒๕๓๑ ตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เนื้อที่ ๖๖ ตารางวา พร้อมเรือน ๑ หลังในที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยซึ่งเป็นบุตรสุดท้องโดยตกลงกันว่า จำเลยจะต้องแบ่งที่ดินดังกล่าวเนื้อที่ ๑๒ ตารางวา ให้แก่นางบุญมีพี่สาวของจำเลย ครั้นโจทก์ได้จดทะเบียนยกที่ดินดังกล่าวให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยเพียงแต่ขอแบ่งแยก แต่ไม่ยอมจดทะเบียนยกให้แก่นางบุญมีดังที่ได้ตกลงไว้กับโจทก์ โจทก์ได้ออกจากบ้านที่เคยอยู่รวมกับจำเลยไปอยู่ที่วัดจนถึงวันฟ้อง เหตุดังกล่าวโจทก์อ้างว่าทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงได้รับความติฉินนินทาจากชาวบ้านว่าโจทก์ไม่ยุติธรรมและทำความเดือดร้อนให้แก่บุตร จึงฟ้องเรียกถอนคืนการให้ และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่จำเลยไม่ยอมโอนที่ดิน ๑๒ ตารางวา ให้แก่นางบุญมีพี่สาวดังที่ได้ตกลงไว้กับโจทก์เป็นเพียงทำการผิดข้อตกลงที่ทำไว้ด้วยวาจาแก่โจทก์ทำให้โจทก์เกิดความเสียใจเพราะเหตุบุตรมิได้ปฏิบัติตามคำพูดที่ให้ไว้แก่โจทก์ผู้เป็นบิดา เนื้อแท้แห่งข้อเท็จจริงดังกล่าวมิได้ทำให้โจทก์ต้องเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงถึงขนาดที่จะเรียกถอนคืนการให้ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๓๑(๒) แต่อย่างใด การที่จำเลยเป็นผู้ฝ่าฝืนข้อตกลง บุคคลที่ทราบข้อเท็จจริงย่อมจะรู้สึกว่าจำเลยน่าจะเป็นฝ่ายที่ต้องเสียชื่อเสียงมากกว่า ที่โจทก์อ้างว่าต้องเสียชื่อเสียงเพราะชาวบ้านติฉินนินทาโจทก์ว่าไม่ยุติธรรมและทำความเดือดร้อนให้แก่บุตรนั้น ก็ไม่มีพยานโจทก์คนใดยืนยันว่าการให้ของโจทก์ที่ไม่บรรลุผลโดยตลอดเป็นเรื่องที่น่าติฉินนินทาอย่างไร เรื่องการเสียชื่อเสียงเป็นสิ่งที่โจทก์คาดหมายเอาเอง การกระทำของจำเลยยังถือไม่ได้ว่าเป็นการประพฤติเนรคุณต่อโจทก์ตามบทกฎหมายดังกล่าวข้างต้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์