คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4104/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ถอนการบังคับคดีมีผลทำให้หมายบังคับคดีถูกเพิกถอนไปด้วยหากโจทก์ประสงค์จะให้มีการบังคับคดีอีกก็จะต้องร้องขอศาลดำเนินวิธีการบังคับคดีใหม่ภายในเวลา10ปีนับแต่วันมีคำพิพากษา

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสิบสามออกจากที่ดินพิพาทระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 ที่ 6 และที่ 9ศาลชั้นต้นอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4ที่ 5 ที่ 7 ที่ 8 และที่ 10 ถึงที่ 13 ออกจากที่ดินของโจทก์และได้ออกคำบังคับแจ้งให้จำเลยทราบแล้ว แต่จำเลยดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ วันที่ 25 ธันวาคม 2534 โจทก์ยื่นคำขอให้ออกหมายบังคับคดีศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2535 ต่อมาเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ศาลถอนการบังคับคดีเนื่องจากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีให้โจทก์มาแถลงผลการปิดประกาศขับไล่รื้อถอนให้เจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่24 สิงหาคม 2535 ต่อมาวันที่ 19 ตุลาคม 2535 โจทก์ยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าโจทก์ขอให้บังคับคดีเกิน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา ให้ยกคำขอ
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นบังคับคดีเกิน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือไม่ เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271ได้บัญญัติให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องร้องขอให้บังคับคดีแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาโดยจะต้องดำเนินวิธีการบังคับคดีตามขั้นตอนให้ครบถ้วนภายในกำหนด 10 ปี กล่าวคือต้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี ต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าศาลได้ออกหมายบังคับคดีแล้ว และจะต้องแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้ยึดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาหรือกระทำการใดตามกฎหมายต่อไปด้วยมิใช่ว่าเพียงแต่ขอหมายบังคับคดีภายใน 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาแล้ว เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะดำเนินวิธีการบังคับคดีอย่างไรต่อไปเมื่อพ้นกำหนดเวลา 10 ปี แล้วก็ได้ เพราะจะเป็นผลให้ลูกหนี้ตามคำพิพากษาต้องถูกบังคับคดีโดยไม่มีกำหนดเวลา คดีนี้แม้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะได้ร้องขอต่อศาลให้ออกหมายบังคับคดี รวมทั้งได้ดำเนินวิธีการบังคับคดี ภายในเวลา 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาแล้ว แต่ก็ปรากฎว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ให้โจทก์มาแถลงถึงผลการปิดประกาศขับไล่รื้อถอนให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบ และเจ้าพนักงานบังคับคดีได้รายงานต่อศาลชั้นต้นจนกระทั่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนการบังคับคดีไปแล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2535 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 295 ทวิ คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ถอนการบังคับคดีดังกล่าวจึงมีผลทำให้หมายบังคับคดีถูกเพิกถอนไปด้วย โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่อาจจะดำเนินการบังคับคดีแก่จำเลยได้อีกต่อไป คำสั่งศาลที่ให้ถอนการบังคับคดีหาใช่ว่ามีผลแต่เพียงเฉพาะในส่วนของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่โจทก์ฎีกาเท่านั้นไม่หากโจทก์ประสงค์จะให้มีการบังคับคดีอีกก็จะต้องร้องขอศาลดำเนินวิธีการบังคับคดีใหม่ ภายในเวลา 10 ปีนับแต่วันมีคำพิพากษา ดังนั้น เมื่อปรากฎว่าศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2525 และโจทก์มายื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นให้บังคับคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2535 จึงเกินกำหนด 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว โจทก์จึงไม่อาจบังคับคดีแก่จำเลยได้อีกต่อไป ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งให้ยกคำขอของโจทก์ชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share