คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4102/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ศาลเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงเพราะมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมคำร้องขอเลื่อนคดีจึงอนุญาตให้เลื่อนคดีเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบ มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เมื่อการสั่งเลื่อนคดีดังกล่าวไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบแล้ว แม้ความจะปรากฏต่อมาว่าจำเลยเสนอใบรับรองแพทย์ซึ่งไม่ตรงต่อความจริงต่อศาลเพื่อขอเลื่อนคดี ศาลจะยกเลิกเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวในภายหลังหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท 2 แปลงขอให้พิพากษาให้จำเลยคืนโฉนดที่ดิน 2 แปลง พร้อมหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยดูแลผลประโยชน์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาททั้ง 2 แปลง จำเลยเป็นผู้ซื้อที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว แต่ใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน ขอให้ยกฟ้อง และฟ้องแย้งให้โจทก์โอนที่พิพาททั้ง 2 แปลงให้จำเลย หากไม่ปฏิบัติตาม ขอให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์
โจทก์ยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทแต่ผู้เดียว ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำสืบก่อน ถึงวันนัดศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลย และพิพากษาให้จำเลยส่งมอบโฉนดที่ดินพิพาท 2 แปลง และหนังสือมอบอำนาจคืนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลย ขอให้สืบพยานจำเลยต่อไป และอุทธรณ์ขอให้พิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของจำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยไม่ชอบพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและนำพยานเข้าสืบได้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป และให้ยกอุทธรณ์จำเลย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาพิจารณาตามฎีกาของโจทก์ว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีแล้ว ภายหลังกลับสั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีชอบหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ศาลชั้นต้นชี้สองสถานให้จำเลยนำสืบก่อนและนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 9 กรกฎาคม2529 และวันที่ 1 สิงหาคม 2529 วันที่ 9 กรกฎาคม 2529 ทนายโจทก์และตัวจำเลยมาศาล มีคำร้องของทนายจำเลยขอเลื่อนคดีอ้างว่าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานครออกหาเสียงตรากตรำ มีอาการไม่สบาย วิงเวียนศีรษะ เป็นลมไม่สามารถว่าความได้ ทนายโจทก์ไม่ค้าน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 1 สิงหาคม 2529 เวลา 9 นาฬิกาถึงวันนัดทนายโจทก์และจำเลยมาศาล มีคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยว่าป่วยไม่สามารถมาศาลได้ มีใบรับรองแพทย์แนบมาด้วย ระบุว่าทนายจำเลยป่วย ปวดท้อง ท้องเสีย ทนายโจทก์คัดค้านว่าทนายจำเลยไม่ไดป่วยจริงตามใบรับรองแพทย์ ศาลชั้นต้นเห็นว่าทนายจำเลยมีใบรับรองแพทย์มาแสดงควรให้โอกาสทนายจำเลยอีกนัดหนึ่ง จึงอนุญาตให้เลื่อนคดีไปนัดสืบพยานจำเลยในวันที่ 12 และ 26 กันยายน 2529เวลา 9 นาฬิกา วันที่ 12 กันยายน 2529 ทนายโจทก์ยื่นคำแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2529 ทนายจำเลยไม่ได้ป่วยแต่ได้ไปว่าความที่ศาลแพ่งในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 11258/2527ระหว่าง นายเสริมสุข บุญครอง กับพวก โจทก์ ห้างหุ้นส่วนจำกัดพัฒนานครก่อสร้างกับพวก จำเลย โดยแนบหลักฐานภาพถ่ายใบแต่งทนายและรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแพ่ง ฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2529ต่อศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นสอบถามทนายจำเลยแถลงว่าในวันดังกล่าวตนป่วยจริงและพักอยู่ที่บ้าน ทนายจำเลยเห็นว่าตนมีภูมิลำเนาอยู่ใกล้ศาลและสามารถจะไปศาลแพ่งได้ จึงได้ไปว่าความที่ศาลแพ่งในวันดังกล่าวและว่าไม่มีเจตนาประวิงคดี ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำแถลงของทนายจำเลยไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ถือว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีจึงให้ยกเลิกคำสั่งที่อนุญาตให้เลื่อนคดีในรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 1 สิงหาคม 2529 เป็นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่ติดใจสืบพยาน จึงให้งดสืบพยานจำเลยในวันนั้นเสียและให้ทำการสืบพยานโจทก์ต่อไปในวันที่ 26 กันยายน 2529 เวลา 9นาฬิกา ถึงวันนัด ศาลชั้นต้นได้สืบพยานโจทก์จนหมดพยานโจทก์รวม 2 ปาแล้วพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2529 ดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่า การที่ศาลชั้นต้นเชื่อว่าทนายจำเลยป่วยจริงเพราะมีใบรับรองแพทย์แนบมาพร้อมคำร้อง จึงได้อนุญาตให้เลื่อนคดีนั้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบแล้ว มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 เพราะมิได้มีกฎหมายบัญญัติว่า การขอเลื่อนคดีอ้างว่าทนายป่วยจะต้องมีใบรับรองแพทย์แนบมาด้วยเสมอไป การที่ฝ่ายจำเลยเสนอใบรับรองแพทย์ซึ่งไม่ตรงต่อความจริงต่อศาลเพื่อขอเลื่อนคดีก็เป็นการกระทำอีกอันหนึ่งต่างหาก ดังนั้น เมื่อการสั่งเลื่อนคดีของศาลชั้นต้นไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบแล้ว ศาลชั้นต้นจะยกเลิกเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวในภายหลังหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและนำพยานเข้าสืบได้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share