คำสั่งคำร้องที่ 561/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อ วันที่ 3 ธันวาคม 2539 จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 3 มกราคม 2540 ต่อศาลชั้นต้นระบุขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีนี้หรือ ผู้พิพากษาซึ่งลงลายมือชื่อในคดีนี้อนุญาตให้จำเลยฎีกา เมื่อปรากฏว่าผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นไม่อนุญาต ให้ฎีกา ย่อมถือได้ว่าคำร้องของ จำเลยดังกล่าวสิ้นสุดลงแล้ว หากจำเลยประสงค์ จะให้ผู้พิพากษาคนอื่นอนุญาตให้ฎีกา จำเลย ต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นใหม่ภายในกำหนดเวลายื่นฎีกา การที่จำเลยยื่นคำร้องกรณีนี้ต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2540 เป็นการล่วงเลยกำหนดเวลายื่นฎีกา แล้ว ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้

ย่อยาว

ความว่า จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 3 มกราคม 2540 ขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีหรือลงลายมือชื่อในคดีนี้รับรองให้ฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ผู้พิพากษาซึ่ง พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินนั้นไม่เป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลฎีกา ไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้องต่อมาจำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 15 มกราคม 2540 ขอให้นายธงชัย เสนามนตรี ผู้พิพากษาอีกคนหนึ่งซึ่งลงลายมือชื่อมือในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าคำร้องลงวันที่ 3 มกราคม 2540 ระบุให้ ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีนี้หรือผู้พิพากษาซึ่งลายมือชื่อ ในคดีนี้รับรองฎีกา เมื่อปรากฏว่าผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีนี้ คือนางสาววรรณดี วิไลรัตน์ ไม่อนุญาตรับรองให้ฎีกาแล้วจำเลยจึงต้องยื่นขอให้ผู้พิพากษาอีกคนหนึ่งรับรองฎีกาภายใน กำหนดเวลายื่นฎีกา เมื่อจำเลยยื่นพ้นกำหนดเวลายื่นฎีกาแล้ว จึงไม่อาจรับรองฎีกาให้ได้ ยกคำร้อง

จำเลยเห็นว่า คำร้องฉบับลงวันที่ 3 มกราคม 2540 จำเลยได้ขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีหรือลงลายมือชื่อในคำพิพากษาทั้งสองคนรับรองให้ฎีกา เมื่อผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดี ไม่รับรองให้ฎีกา ผู้พิพากษาอีกคนชอบที่จะพิจารณารับรองฎีกา ให้จำเลยด้วยเพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 ไม่ได้กำหนดให้ต้องระบุชื่อและจำนวนผู้พิพากษาแต่อย่างใด ดังนั้นแม้จำเลยจะยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 15 มกราคม 2540 ขอให้ผู้พิพากษาอีกคนหนึ่งรับรองให้ฎีกา เมื่อพ้นกำหนดเวลายื่นฎีกาแล้วก็ตาม แต่คำร้องดังกล่าวทั้งสองฉบับเป็นคำร้องที่เกี่ยวเนื่องกันคำร้องขอของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับคำร้องและรับรองฎีกาของจำเลยต่อไป

หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(3)(8) วรรคสาม จำคุก 4 ปี

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 3 มกราคม 2540ขอให้รับรองฎีกา ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีไม่รับรองให้ฎีกา และศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ต่อมาจำเลยยื่นคำร้อง ฉบับลงวันที่ 15 มกราคม 2540 ขอให้ผู้พิพากษาซึ่งลงลายมือ ในคำพิพากษารับรองให้ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าว (อันดับ 55, 54, 57)

จำเลยจึงอุทธรณ์คำสั่งนี้ (อันดับ 60)

คำสั่ง

คดีนี้ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ จำเลยฟังเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2539 จำเลย ยื่นคำร้องลงวันที่3 มกราคม 2540 ต่อศาลชั้นต้นระบุขอให้ผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาคดีนี้หรือผู้พิพากษาซึ่งลงลายมือชื่อในคดีนี้อนุญาตให้จำเลยฎีกาเมื่อปรากฏ ว่าผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีในศาลชั้นต้น ไม่อนุญาตให้ฎีกา ย่อมถือได้ว่าคำร้องของ จำเลยดังกล่าว สิ้นสุดลงแล้ว หากจำเลยประสงค์จะให้ผู้พิพากษาคนอื่นอนุญาต ให้ฎีกา จำเลยต้องยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นใหม่ภายในกำหนด เวลายื่นฎีกา การที่จำเลยยื่นคำร้องกรณีนี้ต่อศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2540 เป็นการล่วงเลยกำหนดเวลา ยื่นฎีกาแล้ว ไม่อาจรับไว้พิจารณาได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่รับคำร้อง ของจำเลยชอบแล้วให้ยกคำร้อง

Share