แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สามีฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดิน โดยอ้างว่าเป็นที่สินบริคณห์ของโจทก์และภรรยาทั้งแปลงแม่ยายและภรรยาเอาไปชายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากสามี เมื่อทางพิจารณาได้ความว่าที่พิพาทเป็นของภรรยาและแม่ยายร่วมกัน จึงไม่ใช่บริคณห์ทั้งแปลงและไม่ปรากฎว่าส่วนของภรรยามีเท่าไร สามีก็บอกล้างนิติกรรมทั้งฉะบับตามที่ฟ้องไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาท ซึ่งนางไผ่ภรรยาโจทก์และนางตามแม่ยายโจทก์ เป็นผู้ทำนิติกรรมขายให้จำเลยที่ ๑ โดยอ้างว่าที่พิพาทเป็นสินสมรส การซื้อขายไม่สุจริตจำเลยทั้งสองสมคบกันฉ้อโกงโจทก์และนางไผ่ไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ ผู้เป็นสามี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้ง ๒ ฟังมานั้นว่าที่พิพาทเป็นของนางไผ่และนางตาบร่วมกัน เมื่อเจ้าของร่วมทั้งหมดได้โอนขายให้แก่จำเลย ๆ ก็ได้สิทธิตาม ป.ม.แพ่ง ฯมาตรา ๑๓๖๑ แม้โจทก์จะเป็นสามีนางไผ่ ก็ไม่ปรากฎว่าส่วนของนางไผ่มีเท่าไร เมื่อข้อเท็จจริงฟังว่าที่รายพิพาทไม่ใช่สินบริคณห์ทั้งแปลงแล้ว โจทก์ก็บอกล้างนิติกรรมทั้งฉะบับไม่ได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน