คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4085/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้โจทก์จะใช้ถ้อยคำว่าขอทุเลาการบังคับมาในคำร้องที่โจทก์ยื่นพร้อมกับอุทธรณ์ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกฟ้อง แต่ก็มีใจความว่าหากศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการติดตามเอาทรัพย์พิพาทของโจทก์คืนมาจากจำเลย จึงพอแปลได้ว่าคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 264 ไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับตามมาตรา 231

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยกับนายเชื้อ ภักดีพินิจ และขอให้พิพากษาว่าการจดทะเบียนจำนองที่ดินพิพาทที่จำเลยทำขึ้นเป็นไปโดยมิชอบ จำเลยให้การต่อสู้ว่าโจทก์ไม่มีส่วนเป็นเจ้าของในที่ดินพิพาท จำเลยรับโอนที่ดินพิพาทมาโดยถูกต้องและจดทะเบียนจำนองไว้แก่ธนาคารโดยชอบ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์พร้อมกับยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีคำสั่งว่า ตามคำร้องแปลได้ว่าโจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ เห็นสมควรมีคำสั่งห้ามจำเลยทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์
จำเลยฎีกาคัดค้านคำสั่ง
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ มีคำสั่งห้ามจำเลยทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างอุทธรณ์นั้นเป็นคำสั่งที่ชอบหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะใช้ถ้อยคำว่าขอทุเลาการบังคับมาในคำร้องที่โจทก์ยื่นพร้อมกับอุทธรณ์ที่คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ยกฟ้อง แต่ก็มีใจความว่าหากศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จะทำให้เกิดความยุ่งยากในการติดตามเอาทรัพย์พิพาทของโจทก์คืนมาจากจำเลย จึงพอแปลได้ว่าคำร้องของโจทก์เป็นเรื่องโจทก์ขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๖๔ ไม่ใช่เรื่องขอทุเลาการบังคับตามมาตรา ๒๓๑ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค ๑ ในข้อนี้ชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share