แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ที่ดินมีโฉนดมีชื่อผู้คัดค้านเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้คัดค้านจึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ส่วนบ้านซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินที่เป็นส่วนควบของที่ดินและเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านตามมาตรา 144 ด้วย หากผู้ร้องโต้แย้งว่าบ้านเป็นของบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินใช้สิทธินั้นปลูกสร้างไว้จึงไม่ถือว่าเป็นส่วนควบของที่ดินแล้ว ผู้ร้องต้องมีภาระการพิสูจน์ในเรื่องนี้
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นบุตรนายกิมกัง แซ่ตั้ง กับนางหงษ์ แซ่ตั้ง บิดามารดาที่มิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายซึ่งมีบุตรด้วยกัน 7 คน นายกิมกังผู้ตายถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2523 ผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือ บ้านเลขที่ 8 โดยมีชื่อนางหงษ์มารดาเป็นเจ้าบ้านและเป็นผู้ครอบครองแทนทายาททั้งหมดและที่ดินมีโฉนดอีก 3 แปลง คือที่ดินโฉนดเลขที่ 3254 (ที่ถูกคือ 3954), 4220, 4221 โดยมีชื่อนายบุญลือไพสิฐวนิชกุล และนายบุญเรือง ไพสิฐวนิชกุล บุตรผู้ตายเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แทน โดยผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ ผู้ร้องไปขอจดทะเบียนรับโอนบ้านและที่ดินดังกล่าว แต่เจ้าพนักงานที่ดินมีเหตุขัดข้อง ผู้ร้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริต บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถหรือบุคคลล้มละลาย ขอให้มีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านทำนองเดียวกันว่า ผู้คัดค้านที่ 1 เป็นภริยาผู้ตายและเป็นมารดาผู้ร้อง ส่วนผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 เป็นบุตรผู้ตาย และเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับผู้ร้อง ก่อนผู้ตายถึงแก่กรรม ผู้ร้องได้รับเงิน 110,000 บาท จากผู้ตายและผู้คัดค้านที่ 1 ไปแล้ว บ้านเลขที่ 8 เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 แต่ใส่ชื่อผู้คัดค้านที่ 1 เป็นเจ้าบ้าน สำหรับที่ดินโฉนดที่ 3954 เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 4220และ 4221 เป็นของผู้คัดค้านที่ 3 มิใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตาย ขอให้ยกคำร้องขอ
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า นายกิมกังผู้ตายกับผู้คัดค้านที่ 1 เป็นสามีภริยากัน มีบุตร 7 คน รวมทั้งผู้ร้องกับผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2523 ผู้ตายถึงแก่กรรมตามมรณบัตรเอกสารหมาย ร.5 คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า มีเหตุที่จะตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายหรือไม่ ฝ่ายผู้ร้องมีตัวผู้ร้อง นางเยี่ยม หุ่นดี และนางสาวเพ็ญรัตน์ นาควัชระ มาเบิกความเป็นพยานผู้ร้องเบิกความว่าผู้ตายมีทรัพย์มรดกคือบ้านเลขที่ 8 หมู่ 4 ตำบลบางขันแตก อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ตามสำเนาทะเบียนบ้านหมาย ร.6 และที่ดินมีโฉนดอีก 3 แปลง อยู่ที่ตำบลโพงพาง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงครามโดยมีผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ถือกรรมสิทธิ์แทนตามโฉนดที่ดินหมาย ร.7 ถึง ร.9 การจัดการมรดกมีเหตุขัดข้องเนื่องจากเจ้าพนักงานที่ดินแจ้งว่าต้องร้องขอให้ศาลตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตายเสียก่อน นางเยี่ยงเบิกความว่า เคยกู้เงินผู้ตายไปแล้วไม่มีเงินชำระหนี้จึงโอนที่ดินให้ผู้ตายแทนการชำระหนี้ ส่วนนางสาวเพ็ญรัตน์เบิกความว่า บ้านที่ผู้คัดค้านที่ 1 พักอาศัยอยู่เป็นบ้านหลังเดียวกับบ้านผู้ตาย ฝ่ายผู้คัดค้านมีตัวผู้คัดค้านทั้งสาม นางอารยา ไพสิฐวนิชกุล และนายบุญเลิศ ไพสิฐวนิชกุล มาเบิกความเป็นพยานในทำนองเดียวกันว่า ผู้ตายไม่มีมรดก บ้านเลขที่ 8 หมู่ 4 ตำบลบางขันแตก อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม และที่ดินโฉนดเลขที่ 3954 เอกสารหมาย ร.7 เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 ส่วนที่ดินโฉนดเลขที่ 4220 และ 4221 เอกสารหมาย ร.8 และ ร.9 เป็นของผู้คัดค้านที่ 3 เห็นว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 3954 เอกสารหมาย ร.7 มีชื่อผู้คัดค้านที่ 2เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ผู้คัดค้านที่ 2 จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373 ว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครอง ส่วนบ้านเลขที่ 8 ซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินแปลงนี้ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดินและเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้คัดค้านที่ 2 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 144 ด้วย หากผู้ร้องโต้แย้งว่าบ้านเลขที่ 8 เป็นของบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินใช้สิทธินั้นปลูกสร้างไว้จึงไม่ถือว่าเป็นส่วนควบของที่ดินแล้ว ผู้ร้องต้องมีภาระการพิสูจน์ในเรื่องนี้ สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่4220 และ 4221 เอกสารหมาย ร.8 และ ร.9 มีชื่อผู้คัดค้านที่ 3 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ผู้คัดค้านที่ 3 จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานกฎหมายว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองเช่นเดียวกัน การที่ผู้ร้องโต้แย้งว่าที่ดินทั้งสามแปลงนี้เป็นของผู้ตาย มิใช่เป็นของผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3 ผู้ร้องย่อมต้องมีภาระการพิสูจน์ในเรื่องนี้ด้วย ผู้ร้องเบิกความปากเดียวกล่าวอ้างลอย ๆ ว่า บ้านเลขที่ 8 และที่ดินทั้งสามแปลงเป็นของผู้ตาย แต่ผู้คัดค้านที่ 2 และที่ 3ถือกรรมสิทธิ์แทนไว้ ไม่มีน้ำหนักหักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมายได้ ส่วนคำเบิกความของนางเยี่ยมและนางสาวเพ็ญรัตน์ก็มิได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับข้ออ้างของผู้ร้องแต่อย่างใดพยานฝ่ายผู้คัดค้านนอกจากจะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานกฎหมายแล้วยังมีพยานบุคคลอื่นมาเบิกความยืนยันความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในบ้านเลขที่ 8 และที่ดินทั้งสามแปลงดังกล่าว จึงมีน้ำหนักมากกว่าพยานผู้ร้อง น่าเชื่อว่าบ้านเลขที่ 8 และที่ดินทั้งสามแปลงนี้ไม่ใช่ทรัพย์มรดกของผู้ตายตามคำร้องขอของผู้ร้องไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีทรัพย์มรดกอื่นใดอีก จึงไม่มีทรัพย์มรดกของผู้ตายที่จะต้องจัดการ เมื่อเป็นเช่นนี้จึงไม่มีเหตุขัดข้องที่จะตั้งผู้จัดการมรดกของผู้ตาย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกคำร้องขอของผู้ร้องนั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน