แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การวินิจฉัยว่าการแก้ไขอย่างไรเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยจำต้องดูคำบรรยายฟ้องของโจทก์โจทก์ขอแก้ไขตัวเลขจำนวนเงินในคำขอบังคับท้ายฟ้องให้สอดคล้องกับข้ออ้างอันเป็นที่อาศัยแห่งข้อหาซึ่งได้บรรยายในคำฟ้องของโจทก์แต่เดิมโดยคำขอท้ายฟ้องได้พิมพ์ผิดพลาดคลาดเคลื่อนถือว่าเป็นการผิดพลาดเล็กน้อยหรือผิดหลงเล็กน้อยโจทก์ย่อมยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมได้แม้ภายหลังวันชี้สองสถานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา180 คดีที่จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ไม่เกินห้าหมื่นบาทห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งจำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้เป็นหนี้โจทก์เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยในข้อนี้ไม่ชอบแม้ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยโดยยกเหตุผลคนละเหตุและจำเลยฎีกาในข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยไม่ชอบและศาลชั้นต้นรับฎีกามาก็ถือได้ว่าไม่ใช่ข้อที่ยกว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามมาตรา249 ตามวิธีการใช้บัตรสินเชื่อ ไดเนอร์สคลับ เมื่อจำเลยทำบัตรสินเชื่อของโจทก์ไปใช้โจทก์จะชำระหนี้แทนจำเลยจำเลยมีหน้าที่จะชำระเงินคืนโจทก์ภายในกำหนดซึ่งจำเลยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมผิดนัดแต่หากจำเลยไม่ชำระเงินคืนภายในกำหนดโจทก์จะเรียกค่าธรรมเนียมผิดนัดอัตราร้อยละ2ต่อเดือนไม่ใช่ดอกเบี้ยตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราฯแต่มีลักษณะคล้ายเบี้ยปรับ
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง และ แก้ไข คำฟ้อง ว่า โจทก์ ประกอบ ธุรกิจ เป็น ผู้ ให้ บริการสินเชื่อ แก่ บุคคล ทั่วไป โดย เป็น ผู้ ออก บัตรเครดิต เรียกว่า”บัตร สินเชื่อ ไดเนอร์สคลับ ” ให้ แก่ ผู้ สมัคร เข้า เป็น สมาชิก กับ โจทก์ เมื่อ วันที่ 21 กรกฎาคม 2531 จำเลย ได้ ตกลง เข้า เป็น สมาชิก กับ โจทก์โดย ตกลง จะ ปฏิบัติ ตาม เงื่อนไข ระเบียบ ข้อบังคับ และ เงื่อนไข อื่น ๆที่ โจทก์ ได้ ออก เกี่ยวกับ การ ใช้ บัตร และ ตกลง ด้วย ว่า เมื่อ โจทก์ออก เงิน เพื่อ ชำระหนี้ แทน จำเลย ไป แล้ว จำเลย จะ ชำระ เงิน คืน โจทก์ภายใน 15 วัน นับแต่ วันที่ ระบุ ไว้ ใน ใบ แจ้ง หนี้ รายเดือน หาก จำเลยผิดนัด ยอม ชำระ ค่าธรรมเนียม แก่ โจทก์ อัตรา ร้อยละ 2 ต่อ เดือนของ ยอดหนี้ ค้างชำระ นับแต่ วัน เริ่ม ค้างชำระ เป็นต้น ไป ซึ่ง โจทก์ได้ ออก บัตร หมายเลข 3613-220394-0175 ให้ แก่ จำเลย ต่อมา จำเลยได้ นำ บัตร ที่ โจทก์ ออก ให้ ไป ใช้ ตาม ข้อตกลง หลาย ครั้ง โจทก์ ได้ ชำระเงิน แทน จำเลย ทุกครั้ง แต่ เฉพาะ ใน ระหว่าง เดือน กุมภาพันธ์ 2532จำเลย ได้ นำ บัตร ที่ โจทก์ ออก ให้ ไป ใช้ โจทก์ ได้ ออก ใบ แจ้ง หนี้ ให้ จำเลยชำระหนี้ แก่ โจทก์ 1 ฉบับ เมื่อ ถึง กำหนด จำเลย เพิกเฉย ไม่ชำระ หนี้แก่ โจทก์ ปรากฏว่า ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2532 จำเลย ค้างชำระ หนี้จำนวน 20,620 บาท โจทก์ ทวงถาม จำเลย ไม่ชำระ จำเลย ต้อง รับผิดชำระ เงิน จำนวน 20,620 บาท พร้อม ค่าธรรมเนียม ผิดนัด อัตรา ร้อยละ2 ต่อ เดือน ใน ต้นเงิน ดังกล่าว นับแต่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2532คำนวณ ถึง วันฟ้อง เป็น เงิน 4,646.37 บาท รวมเป็น เงิน 25,266.37 บาทขอให้ บังคับ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 25,266.37 บาท พร้อม ค่าธรรมเนียมผิดนัด อัตรา ร้อยละ 2 ต่อ เดือน ใน ต้นเงิน จำนวน 20,620 บาท นับแต่วัน ถัด จาก วันฟ้อง เป็นต้น ไป จนกว่า จำเลย จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย เป็น สมาชิก บัตร สินเชื่อ ของ โจทก์ ตาม ฟ้อง จริงแต่ จำเลย ไม่เคย ใช้ บัตร สินเชื่อ ดังกล่าว จำเลย ไม่ได้ เป็น ผู้ก่อหนี้ตาม ใบ แจ้ง ยอดหนี้ และ ยอดหนี้ ที่ เป็น ค่าธรรมเนียม เบิกเงิน สด ล่วงหน้าโจทก์ ไม่มี สิทธิ ที่ จะ เรียกร้อง เอา จาก จำเลย ได้ เพราะ จำเลย ไม่ได้เป็น ผู้ก่อหนี้ ฟ้องโจทก์ ขาดอายุความ ฟ้องโจทก์ และ คำขอ ท้ายฟ้องเคลือบคลุม ค่าธรรมเนียม ตาม คำขอ ท้ายฟ้อง เป็น การ เรียก ดอกเบี้ยเกิน อัตรา จึง เป็น โมฆะ ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษา ให้ จำเลย ชำระ เงิน 20,620 บาท พร้อมค่าธรรมเนียม อัตรา ร้อยละ 15 ต่อ ปี นับแต่ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2532ไป จนกว่า จะ ชำระ เสร็จ แก่ โจทก์ แต่ ดอกเบี้ย (น่า จะ เป็น ค่าธรรมเนียม )ถึง วันฟ้อง ต้อง ไม่เกิน 4,646.37 บาท คำขอ อื่น นอกจาก นี้ ให้ยก
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “พิเคราะห์ แล้ว จำเลย ฎีกา ปัญหาข้อกฎหมายข้อ แรก ว่า ที่ ศาลชั้นต้น มี คำสั่ง ตาม รายงาน กระบวนพิจารณา ของ ศาลลงวันที่ 29 สิงหาคม 2533 อนุญาต ให้ โจทก์ แก้ไข เพิ่มเติม ฟ้องตาม คำร้องขอ งโจทก์ ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2533 ซึ่ง ขอแก้ไข คำขอท้ายฟ้อง จาก คำ ว่า “ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 4,646.37 บาท ” เป็น”ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 25,266.37 บาท ” นั้น ไม่ชอบ ด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 เพราะ คำร้องขอ งโจทก์ยื่น ต่อ ศาล ภายหลัง วันชี้สองสถาน ทั้ง ๆ ที่ โจทก์ สมควร ทราบ และ ยื่นคำร้อง ได้ ก่อน นั้น และ ไม่ใช่ เป็น การ ขอแก้ไข ใน เรื่อง ที่ เกี่ยวกับความสงบ เรียบร้อย ของ ประชาชน หรือ เป็น การ แก้ไข ใน ข้อผิดพลาด เล็กน้อยหรือ ข้อ ผิดหลง เล็กน้อย เห็นว่า การ ที่ จะ วินิจฉัย ว่าการ แก้ไข อย่างไรเป็น การ แก้ไข ข้อผิดพลาด เล็กน้อย หรือ ข้อ ผิดหลง เล็กน้อย นั้น จำเป็นต้อง ดู คำบรรยายฟ้อง ของ โจทก์ คดี นี้ โจทก์ ไม่ได้ ขอแก้ไข เพิ่มเติมสภาพแห่งข้อหา คำขอบังคับ และ ข้ออ้าง อันเป็น ที่อาศัย แห่ง ข้อหา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 อัน ปกติ ถือว่า เป็น การขอแก้ไข เพิ่มเติม ใน ข้อ สาระสำคัญ แต่ ขอแก้ไข ตัวเลข จำนวนเงิน ในคำขอบังคับ ท้ายฟ้อง ซึ่ง โดยปกติ ต้อง สอดคล้อง กับ ข้ออ้าง อันเป็นที่อาศัย แห่ง ข้อหา และ เจตนารมณ์ ใน คำฟ้อง ของ โจทก์ จะ เห็น ได้ว่าโจทก์ บรรยายฟ้อง ว่า จำเลย ผิดสัญญา ใน การ ใช้ บัตร สินเชื่อ ไดเนอร์สคลับ ที่ โจทก์ ออก ให้ ไป ใช้ ใน ระหว่าง เดือน กุมภาพันธ์ 2532โดย จำเลย ค้างชำระ หนี้ แก่ โจทก์ จำนวน 20,620 บาท โจทก์ ทวงถาม แล้วไม่ชำระ จำเลย จึง ต้อง รับผิด ชำระ เงิน ให้ โจทก์ จำนวน 20,620 บาทพร้อม ค่าธรรมเนียม ผิดนัด อัตรา ร้อยละ 2 ต่อ เดือน ตั้งแต่ วันที่28 กุมภาพันธ์ 2532 คำนวณ ถึง วันฟ้อง จำนวน 4,646.37 บาท รวมเป็น เงิน25,266.37 บาท ซึ่ง ปกติ ถ้า โจทก์ ไม่ บรรยาย คำฟ้อง ต่อไป ว่า ไม่ประสงค์เรียกร้อง ให้ ตรง จำนวน หนี้ แล้ว โจทก์ ก็ ต้อง บรรยาย คำขอบังคับ ให้ จำเลยชำระ เงิน จำนวน ที่ จำเลย ต้อง รับผิด ดังกล่าว แต่ โจทก์ บรรยายฟ้องขอ บังคับ ให้ จำเลย ชำระ เงิน จำนวน 4,646.37 บาท พร้อม ค่าธรรมเนียมผิดนัด อัตรา ร้อยละ 2 ต่อ เดือน ใน ต้นเงิน จำนวน 20,620 บาทเห็น ได้ ชัด ว่าการ พิมพ์ ฟ้อง ของ โจทก์ ผิดพลาด คลาดเคลื่อน จาก เจตนาต้อง ถือว่า เป็น การ ผิดพลาด เล็กน้อย หรือ ผิดหลง เล็กน้อย ซึ่ง โจทก์ย่อม ยื่น คำร้องขอ แก้ไข เพิ่มเติม ได้ แม้ ภายหลัง วันชี้สองสถาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ฎีกา จำเลย ข้อ นี้ฟังไม่ขึ้น
จำเลย ฎีกา ต่อไป ว่า ศาลอุทธรณ์ ไม่รับ วินิจฉัย อุทธรณ์ ของ จำเลยที่ ว่า จำเลย ไม่ได้ เป็น หนี้ โจทก์ เพราะ บัตร สมาชิก ที่ โจทก์ ระบุ มาใน ฟ้อง ไม่ ตรง กับ เลข บัตร สมาชิก ที่ โจทก์ แนบ ตาม สำเนา โดย ศาลอุทธรณ์ยก เหตุ ว่า จำเลย ไม่เคย ให้การ ต่อสู้ คดี ไว้ จึง ไม่ใช่ ข้อ ที่ ว่า กันมา แล้ว ใน ศาลชั้นต้น นั้น ไม่ชอบ เพราะ จำเลย ได้ ให้การ ต่อสู้ แล้ว ว่าจำเลย ไม่เคย ใช้ บัตร สินเชื่อ ตาม ฟ้อง เห็นว่า คดี นี้ จำนวน ทุนทรัพย์ที่พิพาท กัน ใน ชั้นอุทธรณ์ ไม่เกิน ห้า หมื่น บาท ห้าม มิให้ คู่ความอุทธรณ์ ใน ข้อเท็จจริง ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคหนึ่ง จำเลย อุทธรณ์ ว่า จำเลย ไม่ได้ เป็น หนี้ โจทก์เป็น อุทธรณ์ ใน ข้อเท็จจริง ต้องห้าม มิให้ อุทธรณ์ ตาม บทบัญญัติ ดังกล่าวศาลชั้นต้น รับ อุทธรณ์ ของ จำเลย ใน ข้อ นี้ ไม่ชอบ ที่ ศาลอุทธรณ์ไม่รับ วินิจฉัย โดย ยก เหตุผล คน ละ เหตุ และ จำเลย ฎีกา ใน ข้อกฎหมาย ว่าศาลอุทธรณ์ ไม่รับ วินิจฉัย ไม่ชอบ และ ศาลชั้นต้น รับ ฎีกา มา ก็ ถือได้ว่าไม่ใช่ ข้อ ที่ ยก ว่า กัน มา แล้ว ใน ศาลอุทธรณ์ ต้องห้าม มิให้ ฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกา ไม่รับวินิจฉัย ให้
จำเลย ฎีกา ข้อ สุดท้าย ว่า โจทก์ ฟ้อง เรียกเงิน ค่าธรรมเนียม ผิดนัดอัตรา ร้อยละ 2 ต่อ เดือน จาก จำนวนเงิน ที่ ค้างชำระ เป็น การ เรียกดอกเบี้ย เกิน อัตรา ตาม กฎหมาย นั้น ปรากฏว่า ตาม วิธีการ ของ การ ใช้บัตร สินเชื่อ ไดเนอร์สคลับ เมื่อ จำเลย นำ บัตร ของ โจทก์ ไป ใช้ โจทก์ จะ ชำระหนี้ แทน จำเลย จำเลย มี หน้าที่ จะ ชำระ เงิน คืน โจทก์ ภายในกำหนด ใน กรณี นี้ จำเลย ไม่ต้อง เสีย ค่าธรรมเนียม ผิดนัด แต่ หาก จำเลยไม่ชำระ เงิน คืน ให้ โจทก์ ภายใน กำหนด โจทก์ จะ เรียก ค่าธรรมเนียม ผิดนัดอัตรา ร้อยละ 2 ต่อ เดือน โดย ไม่ปรากฏ ว่า เรียก ค่าเสียหาย อย่างอื่น อีกจึง เห็น ได้ว่า ค่าธรรมเนียม ผิดนัด ไม่ใช่ ดอกเบี้ย ตาม ความหมาย ของพระราชบัญญัติ ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พุทธศักราช 2475 แต่ มีลักษณะ คล้าย เบี้ยปรับ เมื่อ จำเลย ผิดนัด ไม่ชำระ หนี้ โจทก์ จึง ฟ้องเรียก ค่าธรรมเนียม ผิดนัด ดังกล่าว ได้ ฎีกา ของ จำเลย ใน ข้อ นี้ จึง ฟังไม่ ขึ้น เช่นกัน ”
พิพากษายืน