แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้น มาตรา 79 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย ผู้ร้องยื่นคำร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่าได้มีการกระทำฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51 และ 52โดยกล่าวอ้างว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนรวม 7 อำเภอ ได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งผิดจากความจริง นำบัตรเลือกตั้ง ซึ่งกากบาทหมายเลข 7,8 และ 9 ไว้ด้วยใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งโดยมิชอบ จงใจอ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดจากความจริงโดยเรียกขานบัตรเลือกตั้งที่ลงให้ผู้ร้องที่ 1 กับพวกเป็นของผู้สมัครหมายเลข 7,8 และ 9 ทำลายเครื่องหมายที่ผู้เลือกตั้งกากบาทให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นบัตรเสีย มิได้ชูบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วให้เห็นโดยเปิดเผย และบางหน่วยเลือกตั้งมีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ผู้ร้องมิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใดประจำหน่วยเลือกตั้งใด เป็นผู้กระทำเช่นนั้น และหน่วยเลือกตั้งใดที่มีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งจึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสี่เข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง คำร้องจึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสอง
ย่อยาว
คดีสองสำนวนนี้ สำนวนแรกผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดปทุมธานี ส่วนสำนวนหลังผู้ร้องทั้งสองยื่นต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ต่อมาศาลชั้นต้นทั้งสองอนุญาตให้โอนคดีจากศาลจังหวัดธัญบุรีมารวมพิจารณาที่ศาลจังหวัดปทุมธานี และได้มีคำสั่งให้รวมการพิจารณาคดีทั้งสองเข้าด้วยกัน โดยให้เรียกนายปรีดี หิรัญพฤกษ์ เป็นผู้ร้องที่ 1 พรรคเสรีธรรม เป็นผู้ร้องที่ 2 ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี เป็นผู้คัดค้านที่ 1นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ เป็นผู้คัดค้านที่ 2 นายชูชาติ หาญสวัสดิ์เป็นผู้คัดค้านที่ 3 นางวาณี หาญสวัสดิ์ เป็นผู้คัดค้านที่ 4
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องทั้งสองสำนวนมีข้อความในทำนองเดียวกันว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นสมาชิกพรรคเสรีธรรมซึ่งเดิมชื่อว่าพรรคประชาชนไทย และเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งที่เขตเลือกตั้งจังหวัดปทุมธานี พร้อมกับพวกรวม 3 คน ผู้ร้องที่ 2เป็นพรรคการเมืองที่ได้รับการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายว่าด้วยพรรคการเมือง มีนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรคในการดำเนินคดีนี้ผู้ร้องที่ 2 ได้มอบอำนาจให้นายชัยวัฒน์ ไกรฤกษ์เป็นผู้กระทำการแทน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีได้ประกาศผลการเลือกตั้งว่า นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ผู้คัดค้านที่ 2 นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ ผู้คัดค้านที่ 3 และนางวาณี หาญสวัสดิ์ ผู้คัดค้านที่ 4 สังกัดพรรคชาติไทยซึ่งเป็นผู้สมัครหมายเลข 7, 8 และ 9 ตามลำดับเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานี แต่ผู้ร้องทั้งสองเห็นว่าการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานีดังกล่าวเป็นไปโดยมิชอบฝ่าฝืนพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51 และ 52 กล่าวคือเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้ง ตั้งแต่เวลา8 นาฬิกา เป็นต้นไป จนกระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีประกาศผลการเลือกตั้ง เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนอำเภอปทุมธานีในเขตเทศบาลเมือง ที่ตำบลบางปรอกหน่วยเลือกตั้งที่ 1 ถึงหน่วยเลือกตั้งที่ 11 อำเภอหนองเสือที่ตำบลหนองสามวัง ในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 ถึงหน่วยเลือกตั้งที่ 6ตำบลศาลาครุ หน่วยเลือกตั้งที่ 1 ถึงหน่วยเลือกตั้งที่ 4ตำบลนพรัตน์ ในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 ของหมู่ที่ 1 ถึงหมู่ที่ 8ตำบลบึงชำอ้อ ในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 ของหมู่ที่ 1 ถึงหมู่ที่ 12ตำบลบึงบอน ในหน่วยเลือกตั้งที่ 1 ถึงหมู่ที่ 9 อำเภอลำลูกกาหน่วยเลือกตั้งตำบลบึงคำพร้อย ตำบลบึงทองหลาง ตำบลบึงคอไทตำบลลำลูกกา ตำบลลำไทร ตำบลพืชอุดม อำเภอคลองหลวงที่ตำบลคลองหนึ่ง ในหน่วยเลือกตั้งในหมู่ที่ 1, 2, 8, 9 และหมู่ที่ 13 อำเภอสามโคก หน่วยเลือกตั้งที่ตำบลท้ายเกาะตำบลบ้านงิ้ว อำเภอธัญบุรี ที่ตำบลประชาธิปัตย์ จำนวนหน่วยเลือกตั้งทั้งหมด 28 หน่วยเลือกตั้งและอำเภอลาดหลุมแก้วหน่วยเลือกตั้งในตำบลระแหง ตำบลหน้าไม้ ตำบลคลองพระอุดมตำบลบ่อเงิน ตำบลคูบางหลวง และตำบลลาดหลุมแก้ว ได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งในการเลือกตั้งผิดจากความจริงและได้กระทำโดยการนำบัตรเลือกตั้งที่กากบาท หมายเลข 7, 8 และ 9 ซึ่งเป็นหมายเลขของผู้คัดค้านที่ 2 ถึงที่ 4 ใส่ลงในหีบเลือกตั้งโดยมิชอบด้วยกฎหมายนอกจากนั้นยังจงใจอ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดจากความจริงโดยเรียกขานบัตรเลือกตั้งที่ลงให้ผู้ร้องที่ 1 กับพวก เป็นของผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 7, 8 และ 9 ทำให้บัตรเลือกตั้งที่มีผู้กากบาทไว้ถูกต้องให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นบัตรเสียโดยวิธีทำลายเครื่องหมายที่ผู้เลือกตั้งได้ทำไว้ถูกต้องแล้ว บางหน่วยเลือกตั้งมีการลงคะแนนเกินกว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การนับคะแนนบัตรเลือกตั้งก็มิได้ชูบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วให้เห็นโดยเปิดเผยและจงใจเรียกขานคะแนนผิดไปจากความเป็นจริง การกระทำของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนดังกล่าวทำให้ผู้ร้องทั้งสองเสียหายเสียโอกาสได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหากเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้ร้องที่ 1 จะต้องได้เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้แน่นอนส่วนผู้ร้องที่ 2 เสียโอกาสที่จะได้มีสมาชิกในพรรคของตนเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพิ่มขึ้นอีก 1 คน ผู้ร้องทั้งสองจึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้มีการนับคะแนนในหีบบัตรเลือกตั้งที่เก็บไว้ตามอำเภอต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นทุกหีบบัตรเลือกตั้ง เพื่อพิสูจน์ว่าผลการเลือกตั้งของจังหวัดปทุมธานี ที่ได้ประกาศไปแล้วนั้นไม่ถูกต้องเป็นโมฆะ เพื่อจะได้มีการเลือกตั้งใหม่ต่อไป
ผู้คัดค้านที่ 1 ยื่นคำคัดค้านทั้งสองสำนวนว่า คำร้องของผู้ร้องทั้งสองเป็นคำฟ้องเคลือบคลุม เพราะมิได้แสดงข้อเท็จจริงว่า นายชูชีพ หาญสวัสดิ์ นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ และนางวาณี หาญสวัสดิ์ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานีโดยมิชอบอย่างไร ไม่แสดงให้เห็นแจ้งชัดว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งตลอดจนกรรมการตรวจนับคะแนนและเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด ชื่อสกุลว่าอย่างไร ประจำหน่วยเลือกตั้งใดที่มีการกระทำโดยจงใจนับบัตรในการเลือกตั้งผิดจากความจริงหรือได้กระทำโดยนำบัตรเลือกตั้งซึ่งกากบาทหมายเลข 7, 8 และ 9ไว้แล้วใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้เป็นบัตรเลือกตั้งที่ใช้ได้ ทั้งมิได้แสดงข้อเท็จจริงว่า กรรมการตรวจนับคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด ชื่อสกุลว่าอย่างไรประจำหน่วยเลือกตั้งใด จงใจอ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดจากความจริงโดยเรียกขานบัตรเลือกตั้งที่ลงให้ผู้ร้องที่ 1 กับพวก เป็นของผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 7, 8 และ 9 หรือทำให้บัตรเลือกตั้งที่มีผู้กากบาทไว้ถูกต้องให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นบัตรเสียรวมทั้งมิได้แสดงข้อเท็จจริงว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนน หรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด ชื่อสกุลว่าอย่างไรประจำหน่วยเลือกตั้งใด นับคะแนนบัตรเลือกตั้งมิได้ชูบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนให้เห็นโดยเปิดเผย และจงใจเรียกขานคะแนนผิดไปจากความจริง อีกทั้งยังมิได้ระบุว่าหน่วยเลือกตั้งใดมีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ ทำให้ผู้คัดค้านที่ 1 ไม่เข้าใจคำร้องและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ถูกต้อง นอกจากนั้นคำร้องของผู้ร้องทั้งสองมิได้แสดงให้เห็นว่าการกระทำของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจนับคะแนน และเจ้าหน้าที่คะแนนดังกล่าวเป็นเหตุให้คะแนนของผู้ร้องที่ 1 น้อยกว่าความจริงประมาณเท่าใดซึ่งหากน้อยกว่าความจริงเล็กน้อยก็ย่อมไม่เป็นเหตุอันสมควรจะให้มีการเลือกตั้งใหม่ คำร้องของผู้ร้องจึงเคลือบคลุมและไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้มีการเปิดบัตรเลือกตั้งเพื่อนับคะแนนใหม่หรือให้มีการเลือกตั้งใหม่ตามคำร้อง การดำเนินการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานี ทุกหน่วยเลือกตั้งได้กระทำไปโดยชอบด้วยกฎหมายระเบียบแบบแผนของทางราชการทุกประการ อนึ่งนับแต่วันเวลาที่ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดปทุมธานีแล้ว และคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณา ผู้ร้องทั้งสองได้ยื่นคำร้องเรื่องเดียวกันอีกต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ย่อมถือเป็นการฟ้องซ้อนต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง จึงขอให้ไม่รับคำร้องหรือให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองที่ยื่นต่อศาลจังหวัดธัญบุรี ตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 822/2535 ของศาลจังหวัดธัญบุรี ซึ่งโอนคดีเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 700/2535 ของศาลจังหวัดปทุมธานีด้วยขอให้ไม่รับคำร้องของผู้ร้องหรือให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง
ผู้คัดค้านที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำคัดค้านรวมกันเข้ามาทั้งสองสำนวนว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปทุมธานีเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2535 เป็นการเลือกตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายทุกประการ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ดี เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง หรือกรรมการตรวจนับคะแนนก็ดี ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบปฏิบัติว่าด้วยการเลือกตั้งทุกประการ คำร้องของผู้ร้องเป็นคำร้องเคลือบคลุมเพราะมิได้ระบุให้ชัดเจนว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนคนใด หรือหน่วยเลือกตั้งใดที่นำบัตรที่กากบาทหมายเลขของผู้คัดค้านทั้งสามใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งและใส่บัตรดังกล่าวเป็นจำนวนเท่าใด กรรมการคนใดอ่านบัตรเลือกตั้งผิดไปจากความเป็นจริงที่หน่วยเลือกตั้งใดความจริงเป็นจำนวนเท่าใด และที่อ่านบัตรเลือกตั้งของผู้ร้องเป็นของผู้คัดค้านนั้นมีจำนวนเท่าใด และที่ว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งหรือกรรมการตรวจคะแนนทำบัตรของผู้ร้องที่ 1ที่เป็นบัตรดีให้เป็นบัตรเสียนั้นก็ไม่ระบุว่า กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนผู้ใด หน่วยเลือกตั้งใดเป็นผู้ทำ และทำบัตรของผู้ร้องที่ 1 เสียไปจำนวนเท่าใด ทำให้ผู้คัดค้านที่ 2ที่ 3 และที่ 4 ไม่อาจเข้าใจข้อหาได้ดีพอที่จะต่อสู้ได้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ก่อนดำเนินการไต่สวนคำร้อง ผู้คัดค้านทั้งสี่ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาที่ว่าคำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม ศาลจังหวัดปทุมธานีเห็นว่า คดีพอทำความเห็นได้แล้วจึงให้งดการไต่สวนและทำความเห็นส่งสำนวนมายังศาลฎีกาว่าคำร้องของผู้ร้องทั้งสองเป็นคำร้องที่มิได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 เป็นคำร้องที่เคลือบคลุมสมควรที่จะยกเสีย ค่าฤชาธรรมเนียมควรให้เป็นพับ
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า การพิจารณาคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มาตรา 79แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522ให้นำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วยดังนั้น คำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจึงต้องตกอยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 172 วรรคสองด้วย
พิเคราะห์คำร้องของผู้ร้องทั้งสองแล้ว ผู้ร้องอ้างเหตุคัดค้านการเลือกตั้งว่าได้มีการกระทำฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 51 และ 52 โดยกล่าวอ้างว่าเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการตรวจคะแนนหรือเจ้าหน้าที่คะแนนรวม 7 อำเภอ ได้จงใจนับบัตรเลือกตั้งผิดจากความจริง นำบัตรเลือกตั้งซึ่งกากบาทหมายเลข 7, 8 และ 9 ไว้ด้วยใส่ลงในหีบบัตรเลือกตั้งโดยมิชอบจงใจอ่านบัตรเลือกตั้งให้ผิดจากความจริงโดยเรียกขานบัตรเลือกตั้งที่ลงให้ผู้ร้องที่ 1 กับพวกเป็นของผู้สมัครหมายเลข 7, 8 และ 9ทำลายเครื่องหมายที่ผู้เลือกตั้งกากบาทให้ผู้ร้องที่ 1 เป็นบัตรเสียมิได้ชูบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้วให้เห็นโดยเปิดเผย และว่าบางหน่วยเลือกตั้งมีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเห็นว่า ผู้ร้องมิได้แสดงให้แจ้งชัดซึ่งข้อเท็จจริงอันเป็นสภาพแห่งข้อหาว่า เจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งผู้ใด กรรมการตรวจคะแนนผู้ใด ประจำหน่วยเลือกตั้งใด เป็นผู้กระทำเช่นนั้นและหน่วยเลือกตั้งใดที่มีการลงคะแนนเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพียงแต่กล่าวอ้างคลุม ๆ มาทุกหน่วยเลือกตั้งจึงเป็นคำกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่พอที่จะทำให้ผู้คัดค้านทั้งสี่เข้าใจข้อหาและต่อสู้คดีได้ถูกต้อง คำร้องจึงเคลือบคลุมไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสองคดีไม่จำต้องดำเนินการพิจารณาต่อไป
จึงมีคำสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสองสำนวน ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ