แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่12 พฤศจิกายน 2528 การที่โจทก์ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นให้ออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2538 และ ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2538 โดยโจทก์วางเงินค่าใช้จ่ายต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันเดียวกันนั้น ถือได้ว่าโจทก์ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีและแถลงต่อ เจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาอันเป็นการ ดำเนินการตามขั้นตอนในการขอให้บังคับคดีแก่จำเลยแล้ว เมื่อโจทก์ดำเนินการขอให้บังคับคดีแก่จำเลยภายในกำหนดเวลา สิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดี จะไปบังคับคดีเมื่อใดนั้นเป็นขั้นตอนการดำเนินงานของ เจ้าพนักงานบังคับคดี แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปบังคับคดี เกินสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา ก็ถือได้ว่าโจทก์ได้ร้องขอให้ บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 แล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลฎีกาพิพากษาว่า ซอยริมคลองสามเสนหรือซอยโบ๊เบ๊ ที่เริ่มจากสุดซอยอารีย์สัมพันธ์ 3 ซึ่งเป็นทางคอนกรีตยาวโดยตลอดกว้าง 1.55 เมตร ต่อจากทางคอนกรีตที่เป็นทางเดินปูด้วยไม้ชิ้นเล็ก ๆ กว้าง 87 เซนติเมตร ยาว 12 เมตรซึ่งผ่านที่ดินของจำเลยที่ 2 และต่อไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ทางกว้าง 1.50 เมตร ระยะทางยาว 12 เมตร ซึ่งผ่านที่ดินของจำเลยที่ 2 และที่ 3 และทางเดินที่เลยต่อไปซึ่งเป็นทางโล่งกว้าง 78 เซนติเมตร ยาวตลอดถึงคลองสามเสนซึ่งผ่านที่ดินของจำเลยที่ 1 ที่ดินของนางอรุณี เกตุศรีเมฆ และที่ดินของพลตำรวจตรีจิตติ คีระสมบูรณ์ เป็นทางสาธารณะ ให้จำเลยที่ 2และที่ 3 ร่วมกันรื้อสิ่งปิดกั้นซอยริมคลองสามเสนหรือซอยโบ๊เบ๊ให้มีความกว้างดังกล่าวออกจนหมดและจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ต้องไปจดทะเบียนภารจำยอมบนที่ดินโฉนดเลขที่ 99883 และเลขที่ 23772 จำเลยที่ 2 ทราบคำบังคับโดยชอบแล้วไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศกำหนดวันทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโฉนดดังกล่าวในวันที่ 13 เมษายน 2539
จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า โจทก์บังคับคดีเมื่อพ้นกำหนด10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษา ขอให้ยกเลิกการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องจำเลยที่ 2
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้คู่ความฟังเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2528จำเลยที่ 2 ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ที่ 8 ขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีและศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2538 โจทก์ที่ 8 นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปปิดประกาศบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2539
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 2 มีว่า โจทก์ที่ 8บังคับคดีล่วงพ้นกำหนดเวลา 10 ปี นับแต่วันมีคำพิพากษาหรือไม่เห็นว่า การที่โจทก์ที่ 8 ยื่นคำขอต่อศาลชั้นต้นให้ออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2538 และศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2538โจทก์ที่ 8 วางเงินค่าใช้จ่ายต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีในวันเดียวกันนั้นถือได้ว่าโจทก์ที่ 8 ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีและแถลงต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาอันเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนในการขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 แล้วเมื่อโจทก์ที่ 8 ดำเนินการขอให้บังคับคดีแก่จำเลยที่ 2 ภายในกำหนดเวลาสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปบังคับคดีเมื่อใดนั้นเป็นขั้นตอนการดำเนินงานของเจ้าพนักงานบังคับคดี แม้เจ้าพนักงานบังคับคดีจะไปบังคับคดีเกินสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษา ก็ถือได้ว่าโจทก์ที่ 8 ได้ร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาภายในสิบปีนับแต่วันมีคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 แล้ว
พิพากษายืน