คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4078/2540

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ทนายความอาจมอบอำนาจให้บุคคลอื่นทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 เท่านั้น ส่วนกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่า เป็นกิจการสำคัญเกี่ยวกับคดีซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่า ทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่
ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายทำการแทนในกิจการต่อไปนี้ คือยื่นอุทธรณ์คำร้องขอทุเลาการบังคับคดี รับทราบคำสั่งศาลเรื่องอื่น ๆ ถ้ามี ตามใบมอบฉันทะไม่ทำให้เสมียนทนายจำเลยมีอำนาจทำคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อขอขยายระยะเวลานำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 โดยลงชื่อในคำร้องเองได้
จำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ แม้ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์จำเลยได้ชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้ว แต่เป็นกรณีที่จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมและประกันหนี้ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลในการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิใช่เป็นการวางเงินค่าธรรมเนียมตามมาตรา 229 จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2539 ให้จำเลยชำระเงิน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 18 มีนาคม 2537เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันฟ้องไม่ให้เกิน 74,295 บาทซึ่งจะครบอุทธรณ์วันที่ 29 พฤษภาคม 2539

ในวันครบกำหนดอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอุทธรณ์ได้ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2539 ครั้นต่อมาวันที่ 11มิถุนายน 2539 ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำฟ้องอุทธรณ์และคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีมายื่นต่อศาล และในวันเดียวกันเสมียนทนายจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลานำเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลออกไปอีก 3 วัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตและไม่รับอุทธรณ์

จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียม

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ทนายความอาจมอบอำนาจให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งทำการแทนได้ในกิจการที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 64 เท่านั้น ส่วนกิจการอื่นต้องพิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไปว่า เป็นกิจการสำคัญเกี่ยวกับคดี ซึ่งโดยสภาพเป็นที่เห็นได้ว่า ทนายความจะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่ สำหรับคดีนี้การที่ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายทำการแทนในกิจการต่อไปนี้ คือ 1. ยื่นอุทธรณ์คำร้องขอทุเลาการบังคับคดี 2. รับทราบคำสั่งศาล 3. เรื่องอื่น ๆ ถ้ามี ตามใบมอบฉันทะลงวันที่ 11 มิถุนายน 2539 นั้น ไม่ทำให้เสมียนทนายจำเลยมีอำนาจทำคำร้องยื่นต่อศาลชั้นต้นเพื่อขยายระยะเวลานำเงินค่าธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 โดยลงชื่อในคำร้องเองได้ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมดังกล่าวในชั้นอุทธรณ์ เมื่อจำเลยไม่นำเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์ มีผลทำให้อุทธรณ์ของจำเลยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายข้อที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยประสงค์จะอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยตั้งทุนทรัพย์ 500,000 บาท ไม่ใช่ 574,295 บาท จึงมอบเงินค่าธรรมเนียมสำหรับทุนทรัพย์500,000 บาท เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดจากคำร้องขอขยายระยะเวลาวางเงินค่าธรรมเนียมที่เสมียนทนายจำเลยทำขึ้นเองดังกล่าว จึงไม่จำต้องวินิจฉัย ที่จำเลยฎีกาข้อสุดท้ายว่าก่อนที่ศาลชั้นต้นจะส่งสำนวนไปศาลอุทธรณ์ภาค 3 จำเลยได้ชำระค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นครบถ้วนแล้วนั้น ศาลฎีกาตรวจดูแล้วเป็นกรณีที่จำเลยนำค่าฤชาธรรมเนียมและประกันหนี้ที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลในการอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 หาใช่เป็นการวางเงินค่าธรรมเนียมตามมาตรา 229 ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษา ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”

พิพากษายืน

Share