แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินมีหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม มีผู้แอบอ้างว่าเป็น พ. ให้กับโจทก์แต่จากลายพิมพ์นิ้วมือของ พ. ในแบบสอบสวนเพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์กับลายพิมพ์นิ้วมือของ พ. ในสัญญาจำนองและขายฝากปรากฏชัดว่าเป็นลายพิมพ์นิ้วมือคนละชนิด อีกทั้งในวันทำสัญญาจำนองและขายฝากจำเลยได้เตรียมสัญญาต่าง ๆ ให้ผู้ที่แอบอ้างว่าเป็น พ. ลงชื่อไว้เรียบร้อยแล้ว การที่จำเลยเสนอให้มีการจดทะเบียนจำนองและขายฝากที่ดินของ พ. ทั้ง ๆ ที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าผู้มาขอจดทะเบียนมิใช่ พ. จำเลยย่อมเล็งเห็นผลที่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ผู้รับจำนองและผู้รับซื้อฝาก ถือว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แล้ว การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตแม้ไม่เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด ก็เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่บริหารที่ดิน มีหน้าที่จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2527 เวลากลางวัน จำเลยกับนายสง่า ตับกลาง และผู้มีชื่ออีก 2 คน มาขอทำนิติกรรมจำนองที่ดินน.ส.3 ก. เลขที่ 3395 บ้านมะรุม ตำบลพลสงคราม อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นของนางเพียร ตับกลาง ให้แก่โจทก์ โดยจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้มาจดทะเบียนจำนองนั้นมิใช่นางเพียร ตับกลางและมิใช่เจ้าของที่ดินเลขที่ 3395 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อมาวันที่ 7 กันยายน 2527 เวลากลางวัน จำเลยจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินดังกล่าวและทำนิติกรรมขายฝากแก่โจทก์ โดยจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าบุคคลผู้มาทำนิติกรรมขายฝากไม่ใช่นางเพียร ตับกลางเจ้าของที่ดินแต่จำเลยก็กระทำนิติกรรมให้โจทก์ โดยจำเลยได้รับผลประโยชน์จากนายสง่า ตับกลาง การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริตเพื่อประโยชน์ของตนเองและผู้อื่นเหตุเกิดที่ตำบลโนนสูง อำเภอโนนสูงจังหวัดนครราชสีมา ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152, 157, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องและมีคำสั่งให้ประทับฟ้องของโจทก์เฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 91 ไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 91 ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ให้ลงโทษจำคุกกรรมละ 2 ปี รวมลงโทษจำคุกมีกำหนด 4 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยกระทงละ 1 ปีรวมจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้จะฟังว่าผู้แอบอ้างเป็นนางเพียรตับกลาง มีอายุเกิน 70 ปี และไม่มีบัตรประจำตัวจริงตามที่จำเลยนำสืบมา จำเลยก็น่าจะขอให้ผู้แอบอ้างนั้นแสดงหลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านได้ว่าผู้แอบอ้างนั้นเป็นางเพียร ตับกลาง ที่แท้จริงหรือไม่หากผู้แอบอ้างแสดงสำเนาทะเบียนบ้านแก่จำเลยจริงแล้วจำเลยก็น่าจะทราบได้ว่า ผู้แอบอ้างไม่ใช่นางเพียร ตับกลางที่แท้จริง เพราะสำเนาทะเบียนบ้านของผู้แอบอ้างย่อมจะไม่มีชื่อนางเพียร ตับกลาง และภูมิลำเนาของผู้แอบอ้างย่อมจะไม่ตรงกับภูมิลำเนาของนางเพียร ตับกลาง ที่ระบุไว้ในหนังสือรับรองการทำประโยชน์สำหรับที่ดินพิพาทอย่างแน่นอน นายสันติ คันธีระอดีตเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดินซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่สำนักงานที่ดินอำเภอโนนสูงที่เกิดเหตุมาเบิกความต่อศาลว่าขณะเกิดเหตุจำเลยเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่บริหารงานที่ดิน มีหน้าที่รับคำขอจากผู้ประสงค์จะจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเมื่อจำเลยรับคำขอแล้วจะต้องเรียกหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินเช่นน.ส.3 หรือ น.ส.3 ก. สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชนมาตรวจสอบ หากผู้ขออายุเกิน 70 ปีแล้ว ไม่ต้องดูบัตรประชาชนแต่ต้องดูสำเนาทะเบียนบ้านแทน จากนั้นต้องตรวจดูหนังสือสำคัญสำหรับที่ดินจากสารบบเดิมเพื่อดูว่าลายมือชื่อในหนังสือสำคัญกับลายมือชื่อของผู้ขอตรงกันหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันหรือผิดเพี้ยนมากจะไม่ทำนิติกรรมให้ หากมีลักษณะคล้ายกันก็จะให้คู่กรณียืนยันอีกครั้งหนึ่งลายพิมพ์นิ้วมือของนางเพียร ตับกลาง ในหนังสือสัญญาจำนอง เอกสารหมาย จ.3, จ.5 และ จ.7 ในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 733/2529ของศาลชั้นต้นกับลายพิมพ์นิ้วมือของนางเพียร ตับกลาง ที่แท้จริงในบันทึกการสอบสวนเพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ตามเอกสารหมาย จ.12 ไม่คล้ายคลึงกัน หากพยานเป็นผู้รับเรื่องและตรวจสอบหลักฐานการจำนอง ก็จะไม่จดทะเบียนจำนองให้ นายเจริญชาตะวราหะ หัวหน้าฝ่ายรังวัด 6 สำนักงานที่ดินจังหวัดนครราชสีมาที่จำเลยอ้างเป็นพยานก็ว่า พยานได้ดูลายพิมพ์นิ้วมือของนางเพียรในแบบสอบสวนเพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เอกสารหมาย จ.12กับลายพิมพ์นิ้วมือของนางเพียรในบันทึกถ้อยคำเอกสารหมาย จ.9เห็นว่าไม่เหมือนกัน เมื่อศาลฎีกาได้ตรวจลายพิมพ์นิ้วมือของผู้ที่แอบอ้างว่าเป็นนางเพียร ตับกลาง ในสัญญาจำนองและขายฝากเปรียบเทียบกับลายพิมพ์นิ้วมือของนางเพียร ตับกลาง ที่แท้จริงในเอกสารสอบสวนเพื่อขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้ว เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า ไม่เหมือนกันอย่างชัดเจน เมื่อได้พิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวประกอบกับคำเบิกความของตัวโจทก์ที่ว่า เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2527 นายสง่า ตับกลาง กับชายหญิงคู่หนึ่งได้มาพบโจทก์ โดยชายหญิงคู่นั้นอ้างว่าชื่อนายเกิดและนางเพียร ตับกลาง และเป็นบิดามารดาของนายสง่า ตับกลาง ชายหญิงคู่นั้นพูดขอยืมเงินจากโจทก์ 20,000 บาท เพื่อจะให้แก่นายสง่าและจะนำที่ดินพิพาทมาจดทะเบียนจำนองให้ โดยบุคคลทั้งสามบอกว่าได้ติดต่อกับเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว และในวันทำสัญญาจำนองและขายฝากรายพิพาทนั้นจำเลยได้เตรียมสัญญาต่าง ๆ ให้ฝ่ายนายสง่าที่แอบอ้างว่าเป็นนางเพียรลงชื่อไว้เรียบร้อยแล้วทำให้เห็นเจตนาของจำเลยได้ว่าจำเลยกระทำไปโดยมิชอบ เมื่อการกระทำของจำเลยทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ เนื่องจากโจทก์ต้องเสียเงินให้แก่ผู้แอบอ้างไปแล้วถูกนางเพียร ตับกลาง เจ้าของที่ดินพิพาทที่แท้จริงฟ้องเพิกถอนนิติกรรมเสีย โดยจำเลยย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำของตนเช่นนี้ จำเลยย่อมมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157แม้โจทก์จะได้บันทึกไว้ว่า หากผิดตัวเจ้าของที่ดิน โจทก์จะรับผิดชอบเองไม่เกี่ยวกับพนักงานเจ้าหน้าที่ ก็ไม่ทำให้จำเลยพ้นผิดไปได้ การที่จำเลยเสนอให้มีการจดทะเบียนจำนองและขายฝากรายพิพาท ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่ว่าผู้แอบอ้างมิใช่นางเพียร ตับกลางที่แท้จริงนั้น จำเลยย่อมเล็งเห็นผลที่จะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ผู้ต้องจ่ายเงินให้ผู้แอบอ้างไปอย่างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะนางเพียรตับกลาง ที่แท้จริงย่อมต้องฟ้องเพิกถอนนิติกรรมดังกล่าวแน่เพราะตนมิได้รู้เห็นในการทำนิติกรรมดังกล่าว ถือได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานผู้ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์แล้วส่วนการปฏิบัติหรืองดเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ก็เป็นความผิดตามมาตรานี้เช่นกัน แม้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดก็ตาม
พิพากษายืน.