คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. จดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นอยู่ก่อนแล้ว จึงมาจดทะเบียนสมรสซ้อนกับ จ. จ. จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิร้องขอให้อัยการร้องขอต่อศาลให้พิพากษาว่าการสมรสระหว่าง ส.กับ จ. เป็นโมฆะได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1497.

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า นางจิตติมา ชุมจินดา ได้มาแจ้งผู้ร้องว่าเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2523 นางจิตติมาได้จดทะเบียนสมรสกับนายสุจินต์ ชุมจินดา ที่กิ่งอำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลาต่อมา พ.ศ. 2525 นายสุจินต์ได้ทิ้งร้านนางจิตติมา นางจิตติมาสืบทราบว่าก่อนที่นายสุจินต์จะจดทะเบียนสมรสกับนางจิตติมานายสุจินต์จดทะเบียนสมรสกับนางจรัส รูปเลขา อยู่ก่อนแล้วตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2515 และยังไม่ได้จดทะเบียนหย่ากันนางจิตติมาไม่ประสงค์จะอยู่กินฉันสามีภริยากับนายสุจินต์อีกต่อไปทั้งการสมรสเป็นการผิดกฎหมาย ขอให้มีคำสั่งว่า การสมรสระหว่างนางจิตติมากับนายสุจินต์เป็นโมฆะ และให้หย่าขาดจากกัน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามคำร้องเป็นการโต้แย้งสิทธิระหว่างคู่สมรส ต้องดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาท จึงให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงปรากฏว่านางจิตติมาได้รับความเสียหายจากการที่นายสุจินต์จดทะเบียนสมรสกับหญิงอื่นแล้วมาจดทะเบียนสมรสซ้อนกับนางจิตติมาอีก นางจิตติมาจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียที่จะร้องขอให้อัยการเป็นผู้ร้องขอต่อศาลเพื่อให้พิพากษาว่า การสมรสระหว่างนายสุจินต์กับนางจิตติมาเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1497 ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอคดีนี้ คดีมีปัญหาต่อไปว่าการสมรสระหว่างนายสุจินต์กับนางจิตติมาเป็นโมฆะหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยไปได้โดยไม่ต้องย้อนสำนวนในประเด็นข้อนี้ ข้อเท็จจริงตามที่ผู้ร้องนำสืบฟังได้ว่า นายสุจินต์ได้จดทะเบียนสมรสกับนางจรัส รูปเลขามาตั้งแต่ พ.ศ. 2515 ต่อมานายสุจินต์ได้จดทะเบียนสมรสซ้อนกับนางจิตติมาอีกเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2523 การกระทำของนายสุจินต์ดังกล่าวจึงเป็นการฝืาฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1452การสมรสครั้งหลังจึงเป็นโมฆะตามมาตรา 1496
พิพากษากลับเป็นว่า การสมรสระหว่างนายสุจินต์ ชุ่มจินดา กับนางจิตติมา ชุ่มจินดา เป็นโมฆะ.

Share