คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์มีข้อความสำคัญว่าโจทก์จ่ายเช็คจำนวน 1 ล้านบาทให้แก่ธนาคาร ถึงกำหนดปรากฏว่าเช็คไม่มีเงินธนาคารแจ้งตำรวจขอให้จับโจทก์ดำเนินคดี ตามข้อความดังกล่าวย่อมเป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มีฐานะการเงินไม่ดีไม่น่าเชื่อถือ การลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีและประกอบการค้าโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงทั้งเรื่องที่โจทก์จ่ายเช็คไม่มีเงินและถูกธนาคารแจ้งความเป็นเรื่องส่วนตัวของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานของโจทก์ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีอันจะถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ประชาชนจำเลยจะอ้างว่าข่าวนั้นเป็นความจริงเพื่อมิให้ต้องรับผิดหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นเจ้าของ บรรณาธิการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณาและผู้จัดการหนังสือพิมพ์ก้าวหน้าได้โฆษณาใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามโดยพาดหัวข่าวว่า “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กรุงเทพฯ แจ้งจับ “ณรงค์” จ่ายเช็คเด้ง1 ล้าน” และพาดหัวข่าวรองลงมาว่า “หาทางติดต่อเท่าไรก็ไม่พบ หากไม่มอบตัวตำรวจจะออกหมายจับ” และลงข้อความรายละเอียดว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยากรุงเทพมหานคร แจ้งจับกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทซำฮงเอนเตอร์ไพร๊ซและเจ้าของห้างสุราเบญจมาศราชบุรี ฐานจ่ายเช็คเด้ง 1 ล้านบาท เจ้าหน้าที่พยายามติดต่อแต่ไม่พบตัว จึงขออนุมัติไปตามลำดับชั้น หากยังไม่ยอมไปมอบตัว ทางเจ้าหน้าที่ก็จำเป็นที่จะต้องออกหมายสั่งจับมาดำเนินคดีตามระเบียบ อนุสนธิเรื่องนี้รายงานข่าวจากผู้สื่อข่าวพิเศษของเราแจ้งว่า นายพิศาล อัยวรากูล เป็นผู้ได้มอบอำนาจจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพมหานครได้นำความแจ้งต่อพันตำรวจตรีวุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ สารวัตรสอบสวนสถานีบางรักว่า นายณงค์ วิรัตน์โยสินทร์ ผู้จัดการ บริษัทซำฮงเอนเตอร์ไพร๊ซ เอเย่นต์สุราแม่โขงและเจ้าของห้างสุราเบญจมาศ จังหวัดราชบุรี และดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองราชบุรีว่าได้จ่ายเช็คเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาทให้แก่ธนาคารแต่ครั้นถึงกำหนดไปรับเงินปรากฏว่าเช็คนั้นไม่มีเงินตามที่นายณรงค์ วิรัตน์โยสินทร์สั่งจ่ายนายพิศาล อัยวรากูล ผู้รับมอบอำนาจจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จึงขอให้ตำรวจช่วยจับกุมตัวนายณรงค์ วิรัตน์โยสินทร์ มาดำเนินคดีให้ด้วย พันตำรวจตรีวุฒิชัย ศรีรัตนวุฒิ จึงมีหนังสือถึงสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองราชบุรี เจ้าของท้องที่ให้ติดต่อกับนายณรงค์ วิรัตน์โยสินทร์ ให้ไปแก้ข้อกล่าวหายังสถานีบางรักกรุงเทพมหานคร ปรากฏว่าสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองราชบุรีไม่สามารถจะให้นายณรงค์ วิรัตน์โยสินทร์ เซ็นรับทราบหมายเรียกได้ โดยอ้างว่าไม่พบตัวแต่อย่างใด”ก้าวหน้า” จึงได้ส่งผู้สื่อข่าวของเราเข้าพบพนักงานสอบสวนเรื่องนี้ ก็ได้รับการยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง แต่ไม่ทราบว่านายณรงค์ วิรัตน์โยสินทร์ จะอยู่หรือว่ายังดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า จึงสอบถามมายังสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองราชบุรีเจ้าของท้องที่อีกครั้งหนึ่ง กับผู้สื่อข่าวพิเศษของเรา พนักงานสอบสวนได้กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า ถึงอย่างไรก็ตามขณะนี้ก็ได้ขออนุมัติตามลำดับชั้น หากยังไม่มามอบตัวก็จะได้ออกหมายจับมาดำเนินคดีต่อไป ข่าวคืบหน้าเราจะติดตามมาเสนอต่อไป การลงพิมพ์โฆษณาของจำเลยเป็นการใส่ความในเรื่องส่วนตัวที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน และจำเลยมิได้แสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326,328

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง

จำเลยให้การว่า ข้อความที่จำเลยลงในหนังสือพิมพ์ก้าวหน้ามีมูลความจริงจำเลยมิได้หมิ่นประมาทโจทก์ และเป็นประโยชน์แก่ประชาชน

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ข้อความเกี่ยวกับตัวโจทก์ในหนังสือพิมพ์ก้าวหน้า น่าเชื่อว่าเป็นความจริง จำเลยรายงานข่าวไปตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามวิสัยของหนังสือพิมพ์ ซึ่งจำเป็นจะต้องเสนอข่าวเคลื่อนไหวของบุคคลสำคัญให้ประชาชนทราบ การกระทำของจำเลยยังไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ว่าข้อความที่จำเลยลงพิมพ์โฆษณาเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ประกอบด้วยมาตรา 326 จำคุก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท ลดโทษกึ่งหนึ่ง จำคุก 1 เดือน 15 วัน ปรับ 500 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 1 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์มีข้อความสำคัญว่าโจทก์จ่ายเช็คจำนวนเงิน 1 ล้านบาทให้แก่ธนาคาร ถึงกำหนดปรากฏว่าเช็คไม่มีเงิน ธนาคารแจ้งตำรวจขอให้จับโจทก์มาดำเนินคดี ตามข้อความดังกล่าวย่อมเป็นที่เข้าใจว่าโจทก์มีฐานะการเงินไม่ดีไม่น่าเชื่อถือ การลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีและประกอบการค้าโดยประการที่น่าจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงแล้ว ส่วนที่จำเลยฎีกาว่าข้อความที่ลงข่าวเป็นประโยชน์แก่ประชาชนและเป็นความจริงนั้น ก็เห็นว่าเรื่องที่โจทก์จ่ายเช็คไม่มีเงินและถูกธนาคารแจ้งความเป็นเรื่องส่วนตัวของโจทก์ทั้งไม่เกี่ยวกับหน้าที่การงานของโจทก์ในตำแหน่งนายกเทศมนตรีอันจะถือได้ว่าเป็นประโยชน์แก่ประชาชน จำเลยจะอ้างว่าข่าวนั้นเป็นความจริงเพื่อมิให้ต้องรับโทษหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share