คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 407/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ให้เช่าและผู้เช่าเคหะทำยอมกันว่า ผู้เช่ายอมออกไปภายในกำหนดวันแน่นอน ฝ่ายผู้ให้เช่ายอมจะชำระเงินให้หนึ่งหมื่นบาทและยอมให้ผู้เช่ารื้อสิ่งปลูกสร้างที่ผู้เช่าทำไว้ไป แต่แล้วผู้เช่ากลับไม่ยอมออกไป จนต้องศาลมีหมายจับมาขัง จึงยอมออกไปและเป็นเวลาล่วงเลยมา ถึง 1 ปี 4 เดือน นับจากวันยอม ดังนี้ ถือว่าผู้เช่าและบริวารมิได้ออกจากที่เช่าไปโดยความยินยอม หรือสมัครใจ ผู้เช่าจะมาขอให้ศาลบังคับผู้ให้เช่าให้ปฏิบัติศาลยอมมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากเรือนที่เช่าและเรียกค่าเสียหาย โดยอ้างว่าจำเลยทำการดัดแปลงแบ่งแยกเรือนที่เช่าและให้เช่าช่วงโดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจกท์ จำเลยต่อสู้หลายประการ ในที่สุดโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน มีข้อความว่า “ข้อ ๑. จำเลยและบริวารยอมออกจากสถานที่เช่าภายในวันที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๔๙๐ ข้อ ๒. ฝ่ายโจทก์ยอมให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซึ่งจำเลยเป็นผู้ปลูกสร้างขึ้น แต่ตัวเรือนใหญ่ซึ่งมีอยู่ก่อนจำเลยเข้ามาเช่า จำเลยจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปไม่ได้ ข้อ ๓. ฝ่ายโจทก์จะชำระเงินให้จำเลยเป็นเงิน ๑๐,๐๐๐ บาท(หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) เมื่อจำเลยและบริวารออกไปจากสถานที่แล้ว ข้อ ๔. ฯลฯ” ศาลได้บังคับคดีตามยอมแล้ว จำเลยหาได้อกไปจากสถานที่เช่าไม่ จนศาลมีหมายจับจำเลยมากักขังไว้ จำเลยจึงยอมรับว่าจะปฏิบัติตามคำบังคับ แต่บริวารของจำเลยยังหาออกไปจากสถานที่เช่าไม่ ยังคงยื่นอุทธรณ์โต้แย้งคำสั่งศาล ต่อมาวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๔๙๒ จำเลยยืนคำแถลงว่า ได้ออกจากสถานที่เช่าแล้ว โจทก์กลับไม่ยอมให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และไม่ชำระเงินให้จำเลยตามยอม ขอให้ศาลบังคับโจทก์ ศาลชั้นต้นนัดสอบถาม จำเลย ๆ แถลงว่า ได้ออกจากที่เช่าเกินกำหนดเวลาจริง นับจากวันยอมจนออกไป เป็นเวลา ๑ ปี ๔ เดือน
ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้น ที่สั่งให้โจทก์ปฏิบัติ ตามยอม ข้อ ๒-๓ โดยอ้างว่า จำเลยได้ออกจากที่เช่าตามยอมแล้ว
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า ตามสัญญายอมความและพฤติการณ์ที่เป็นมาในเรื่องนี้ พึงเห็นได้ว่าการที่โจทก์จะต้องจ่ายเงินหนึ่งหมื่นบาทให้จำเลยและการที่โจทก์ยอมให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ทั้ง ๒ อย่างนี้มิได้ขึ้นอยู่กับการที่จำเลยได้ออกจากที่เช่าไปแต่อย่างเดียวกันเท่านั้น แต่หากขึ้นอยู่กับการที่จำเลยและบริวาร “ยินยอม” ออกไปจากสถานที่เช่า หรือนัยหนึ่งสมัครใจออกไปจากสถานที่เช่าด้วย แต่พฤติการณ์ในเรื่องนี้เห็นได้ชัดว่า จำเลยและบริวารมิได้ยินยอมหรือสมัครใจออกไปจากสถานที่เช่าตามที่ได้ทำสัญญายอมไว้ จำเลยจึงไม่มีทางที่จะบังคับให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญายอมนั้น แต่ทั้งนี้ไม่กระทบกระเทือนถึงในการที่จำเลยจะใช้สิทธิทางอืน(ถ้าหากมี) ในอันที่จะรื้อสิ่งปลูกสร้างที่จำเลยทำขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกคำแถลงของจำเลย

Share