คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4050/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ถนนทั้ง 6 สาย ในศูนย์การค้าของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ทางสาธารณะยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจจัดการใช้สอยดำเนินการเกี่ยวกับถนนดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 แม้ถนนทั้ง 6 สายจะเป็นภารจำยอมตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคหนึ่ง
ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคหนึ่ง ที่กำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินที่จะต้องบำรุงรักษาสาธารณูปโภคให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นตลอดไป มิได้หมายความว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจะหารายได้จากสาธารณูปโภคดังกล่าวเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามิได้เพียงแต่ต้องไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก ส่วนโจทก์ทั้งยี่สิบห้าผู้ใช้ภารจำยอมก็ต้องใช้เท่าที่จำเป็นตามสมควร มิใช่ใช้ได้โดยไม่มีขีดจำกัด
จำเลยที่ 1 จัดสติกเกอร์ให้แก่ผู้อยู่อาศัยในศูนย์การค้าสำหรับติดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อนำรถเข้าไปจอดหรือเข้าออกในศูนย์การค้าได้ทุกทางตลอดเวลาโดยสะดวกและไม่ต้องเสียเงินค่าจอดรถ นับได้ว่าจำเลยที่ 1 ให้ใช้ภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินทุกแปลงในศูนย์การค้าเท่าที่จำเป็นตามสมควรแล้ว การที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ไม่เรียกเก็บเงินค่าจอดรถสำหรับรถทุกคันของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าแม้จะมีรถจำนวนมากเท่าใดย่อมเป็นการใช้ประโยชน์แห่งภารจำยอมเกินสมควร การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้า และไม่ทำให้การใช้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวก
การที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้านำแผงเหล็กปิดกั้นบนถนนหน้าอาคารพาณิชย์ของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าหรือบางรายจอดรถจักรยานยนต์หรือวางวัสดุบนทางเท้า เป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่มีอำนาจกระทำได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1388 และ 1389 จำเลยที่ 1 มีสิทธิห้ามได้ การที่จำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการก่อสร้างอาคารที่จอดรถตามที่ประกาศโฆษณาไว้ก็หาเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามีอำนาจกระทำการดังกล่าวไม่

ย่อยาว

โจทก์ทั้งยี่สิบแปดฟ้องว่า โจทก์ทั้งยี่สิบแปดเป็นผู้ซื้อและรับโอนกรรมสิทธิ์อาคารพาณิชย์พร้อมที่ดินในโครงการศูนย์การค้าประตูน้ำหรือศูนย์การค้าเมโทรจากจำเลยทั้งสองที่จัดสรรขายแก่บุคคลทั่วไป ในการจัดสรรจำเลยทั้งสองได้ก่อสร้างถนน 6 สาย เป็นสาธารณูปโภคแก่โครงการดังกล่าว โจทก์ทั้งยี่สิบแปดและผู้ซื้ออาคารพาณิชย์พร้อมที่ดินจากจำเลยทั้งสองได้ใช้ถนนทั้ง 6 สาย ผ่านเข้าออกเป็นเวลา 10 ปี แล้ว ต่อมาจำเลยทั้งสองได้ปิดกั้นถนนทั้ง 6 สาย โดยจำเลยทั้งสองกำหนดให้ผู้ขับรถผ่านเข้าออกต้องเสียเงินค่าตอบแทนให้จำเลยทั้งสองหรือตัวแทน การกระทำดังกล่าวของจำเลยทั้งสองทำให้โจทก์ทั้งยี่สิบแปดได้รับความเดือดร้อน ขอให้พิพากษาให้ถนนดังกล่าวเป็นทางภารจำยอมตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401 กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันจดทะเบียนภารจำยอมถนนสาธารณะตลอดไป หรือให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา กับให้จำเลยทั้งสองเปิดทางภารจำยอมและรื้อถอนป้อมยามพร้อมสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งกีดขวางออกไปจากทางภารจำยอม โดยเสียค่าใช้จ่ายเอง อีกทั้งห้ามจำเลยทั้งสองและบริวารกระทำการใด ๆ แก่ทางภารจำยอม

ก่อนจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การ โจทก์ที่ 17 และที่ 18 ยื่นคำบอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง

จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของถนนคอนกรีต 6 สายที่อยู่ในโครงการศูนย์การค้าเมโทร ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินทุกแปลงในบริเวณศูนย์การค้าเมโทร จำเลยที่ 2 เป็นเพียงกรรมการคนหนึ่งของจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดในฐานะส่วนตัว จำเลยที่ 1 ไม่เคยยินยอมให้บุคคลใดใช้ประโยชน์บนถนนและทางเท้าอาคารพาณิชย์แต่ละแปลงเพื่อใช้เป็นที่จอดรถ โดยไม่ต้องเสียค่าตอบแทน โจทก์ทั้งยี่สิบหกนำรถมาจอดและทำการตั้งแผงเหล็กกั้นในบริเวณดังกล่าวเป็นการกระทำโดยถือวิสาสะ จำเลยที่ 1 ได้จัดบริเวณที่จอดรถไว้ให้แก่ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อาคารพาณิชย์โดยไม่ต้องเสียเงินค่าตอบแทน โจทก์ทั้งยี่สิบหกไม่ได้ใช้ประโยชน์ในการนำรถมาจอดและตั้งแผงเหล็กกั้นบริเวณถนนและทางเท้าหน้าอาคารพาณิชย์ มากว่า 10 ปีตามฟ้องแต่อย่างใด การที่จำเลยที่ 1 ก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นปิดเปิดบริเวณทางเข้าออกของถนนทั้ง 6 สายนั้น เป็นการกระทำโดยได้รับความยินยอมจากเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมผู้อยู่อาศัยในโครงการศูนย์การค้าเมโทร และการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำให้การใช้ประโยชน์ถนนและทางเท้าลดลง อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการสูญหายของรถที่มาจอดบริเวณศูนย์การค้าเมโทร จำเลยที่ 1 ได้จัดทำสติกเกอร์เพื่อใช้แสดงต่อพนักงานของจำเลยที่ 1 ตอนเข้าและออก รถคันใดมีสติกเกอร์จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียเงินค่าตอบแทน การที่โจทก์ทั้งยี่สิบหกนำรถเข้าไปจอดบนถนนหรือทางเท้าและตั้งแผงเหล็กกั้นหรือวางสิ่งของต่าง ๆ กีดขวางบริเวณศูนย์การค้าเมโทร เป็นการเพิ่มภาระแก่ถนนและเปลี่ยนแปลงสภาพทางเท้าโดยไม่มีสิทธิจะทำได้ อันเป็นการกระทำละเมิดต่อจำเลยที่ 1 ขอให้พิพากษาห้ามไม่ให้โจทก์ทั้งยี่สิบหกและบริวารนำรถไปจอดบนทางเท้าในบริเวณศูนย์การค้าเมโทร และมิให้นำแผงกั้นหรือวัสดุใด ๆ ไปวางบนถนนและทางเท้าและมิให้กระทำการใด ๆ อันเป็นการกีดขวางการใช้ถนนและทางเท้า

หลังจากจำเลยทั้งสองยื่นคำให้การแล้ว โจทก์ที่ 20 ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นอนุญาต

โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 16 ที่ 19 และที่ 21 ถึง 28 ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยที่ 2 เป็นประธานกรรมการมีอำนาจกระทำการแทนจำเลยที่ 1 ได้ และจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกระทำละเมิดกับจำเลยที่ 1 ทางเท้าในบริเวณศูนย์การค้าเมโทรผู้อยู่อาศัยและบริวารใช้ประโยชน์เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว การที่โจทก์นำแผงกั้นหรือวัสดุต่าง ๆ มาวางบนถนนและทางเท้านั้นเป็นไปตามข้อตกลงของจำเลยทั้งสองเพราะสถานที่จอดรถที่จำเลยทั้งสองจะจัดให้นั้นจำเลยทั้งสองได้นำไปให้บุคคลอื่นเช่าประกอบการค้า โจทก์ทั้งยี่สิบห้ากับผู้อยู่อาศัยอื่นไม่เคยตกลงให้จำเลยทั้งสองก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นปิดเปิดบริเวณทางเข้าออกของถนนทั้ง 6 สาย การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการกระทำโดยพลการ อันเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้าเพราะถนนพิพาทเป็นทางภารจำยอม

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ถนนกับทางเท้าพิพาทในศูนย์การค้าประตูน้ำหรือศูนย์การค้าเมโทรตกอยู่ในภารจำยอม ห้ามโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 16 ที่ 19 และที่ 21 ถึงที่ 28 นำยานพาหนะหรือวัสดุอื่นใดไปจอดหรือวางบนทางเท้า และห้ามโจทก์ทั้งหมดนำแผงกั้นหรือวัสดุสิ่งของอื่น ๆ ไปวางบนถนนพิพาททั้งหกสายอันเป็นการกีดขวางการจราจรอีกต่อไป คำขออื่น ๆ นอกจากนี้ให้ยก และให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2

โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 16 ที่ 19 และที่ 21 ถึงที่ 28 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 16 ที่ 19 และที่ 21 ถึงที่ 28 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังยุติว่า โจทก์ทั้งยี่สิบห้าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์อาคารพาณิชย์ในศูนย์การค้าประตูน้ำหรือศูนย์การค้าเมโทรซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดสรรขายเมื่อปี 2524 ภายในศูนย์การค้าเมโทรมีถนนรวม 6 สาย ซึ่งเป็นสาธารณูปโภคที่จำเลยที่ 1 จัดทำขึ้น และเป็นภารจำยอมเข้าออกสู่ถนนสาธารณะ ต่อมาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2534 จำเลยที่ 1 ได้ก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นทางเข้าออกทั้งหมด รวม 5 จุด ตามแผนที่เอกสารหมาย จ.24 รถของบุคคลภายนอกที่จะผ่านเข้าออกจะต้องรับบัตรจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของจำเลยที่ 1 และจะต้องเสียเงินค่าจอดรถตามระยะเวลาที่จอดคิดเป็นชั่วโมง ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งยี่สิบห้ามีว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้า และเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกอันเป็นการขัดต่อประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคหนึ่ง อันเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้นหรือไม่ และการที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าวางแผงเหล็กกั้นบนถนน จอดรถจักรยานยนต์หรือวางวัสดุบนทางเท้าในศูนย์การค้าเมโทร ทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับความเสียหายหรือไม่ เห็นว่าตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2534 คดีระหว่างบริษัทสินพรชัย จำกัด โจทก์ บริษัทบางกอกฮิลตันโฮเต็ล จำกัด จำเลย ศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับถนนทั้ง 6 สาย ในศูนย์การค้าเมโทรของจำเลยที่ 1 ว่าไม่ใช่ทางสาธารณะ ฉะนั้นถนนทั้ง 6 สาย ยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 1 ในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์จำเลยที่ 1 จึงมีอำนาจจัดการใช้สอยดำเนินการเกี่ยวกับถนนดังกล่าวได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336แม้ถนนทั้ง 6 สายจะเป็นภารจำยอมตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30วรรคหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันฟังได้ว่า เสียงส่วนใหญ่ในการประชุมผู้อยู่อาศัยในศูนย์การค้าเมโทรตกลงให้จำเลยที่ 1 จัดการจราจรในศูนย์การค้าเมโทรหลังจากจำเลยที่ 1 ก่อสร้างป้อมยามและเหล็กกั้นทางเข้าออกโดยมีพนักงานเก็บเงินค่าจอดรถแล้วจำเลยที่ 1 แจกสติกเกอร์สำหรับติดรถยนต์และรถจักรยานยนต์แก่เจ้าของอาคารพาณิชย์ทุกคูหา สติกเกอร์ดังกล่าวสามารถให้เข้าออกได้ทุกทางตลอดเวลาโดยสะดวกและไม่ต้องเสียเงินค่าจอดรถแต่ประการใด ทั้งได้ความจากคำเบิกความของนายสุพัฒน์ สุธาชีวะ ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 21 ถึงที่ 26 และจากคำเบิกความของนางสาวเรืองวิไล สวามิวัสดุ์ พยานโจทก์ทั้งยี่สิบห้าเบิกความตอบคำถามค้านของทนายจำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 1 ให้ผู้ที่จะขับรถเข้าไปในศูนย์การค้าเมโทรรับบัตรและเมื่อจะออกต้องคืนบัตรเพื่อป้องกันโจรกรรมรถ ตั้งแต่จำเลยที่ 1 ดำเนินการดังกล่าวไม่ปรากฏว่ารถในศูนย์การค้าเมโทรสูญหาย แต่จำเลยที่ 1 ได้ปรับปรุงระบบไฟฟ้าท่อระบายน้ำ และถนนที่ชำรุดในศูนย์การค้าเมโทรด้วย หลังจากจำเลยที่ 1 จัดระบบการจราจรทำให้การจราจรในศูนย์การค้าเมโทรคล่องตัวขึ้นเนื่องจากไม่มีบุคคลภายนอกนำรถเข้าไปจอดไว้อีก จึงน่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 กระทำการดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยและเพื่อความสะดวกของการจราจรในศูนย์การค้าเมโทร ส่วนข้อที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าฎีกาว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้จัดสรรที่ดินจึงมีหน้าที่บำรุงรักษาสาธารณูปโภคให้คงสภาพเดิม โดยจำเลยที่ 1 ต้องเสียค่าใช้จ่ายของตนเอง จึงไม่มีสิทธิเรียกเก็บเงินค่าจอดรถนั้น เห็นว่า แม้ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 286 ข้อ 30 วรรคหนึ่ง จะกำหนดให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดสรรที่ดินที่จะต้องบำรุงรักษาสาธารณูปโภคให้คงสภาพดังเช่นที่ได้จัดทำขึ้นตลอดไป แต่ก็มิได้หมายความว่าจำเลยที่ 1 จะหารายได้จากสาธารณูปโภคดังกล่าวเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษามิได้ เพียงแต่ต้องไม่เป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไป หรือเสื่อมความสะดวก ส่วนที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าผู้ใช้ภารจำยอมก็ต้องใช้เท่าที่จำเป็นตามสมควรมิใช่ใช้ได้โดยไม่มีขีดจำกัด จากข้อเท็จจริงที่รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 จัดสติกเกอร์ให้แก่ผู้อยู่อาศัยในศูนย์การค้าเมโทรสำหรับติดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อนำรถเข้าไปจอดหรือเข้าออกในศูนย์การค้าเมโทรได้ทุกทางตลอดเวลาโดยสะดวกและไม่ต้องเสียเงินค่าจอดรถนั้น นับได้ว่าจำเลยที่ 1 ให้ใช้ภารจำยอมเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินทุกแปลงในศูนย์การค้าเมโทรเท่าที่จำเป็นตามสมควรแล้ว แต่ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ที่ 13 เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 และทนายจำเลยที่ 2 ถามค้านว่า โจทก์ที่ 13 ซื้ออาคารพาณิชย์ในศูนย์การค้าเมโทร 3 คูหา มีรถยนต์ 6 คันแต่จำเป็นต้องใช้รถยนต์บรรทุกในกิจการค้าประมาณ 30 คัน หากรับสติกเกอร์จะไม่เพียงพอกับจำนวนรถยนต์ที่ต้องนำเข้าไปในศูนย์การค้าเมโทร และได้ความจากคำเบิกความของนายบุญชู ตระกูลวิวัฒน์ ถึงผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ 27 และที่ 28 เบิกความตอบทนายโจทก์ที่ 19 และที่ 21 ถึงที่ 28 กับเบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าโจทก์ที่ 27 ซื้ออาคารพาณิชย์ในศูนย์การค้าเมโทร 1 คูหา แต่มีรถยนต์ 6 คันโจทก์ที่ 27 จึงไม่ยอมรับสติกเกอร์ที่จำเลยที่ 1 จัดให้ 2 ใบ ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าโจทก์ทั้งยี่สิบห้าประสงค์ให้จำเลยที่ 1 ไม่เรียกเก็บเงินค่าจอดรถสำหรับรถทุกคันของโจทก์ทั้งยี่สิบห้า แม้จะมีรถจำนวนมากเท่าใดก็ตาม อันเป็นการใช้ประโยชน์แห่งภารจำยอมเกินสมควร การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้าและไม่ทำให้การใช้ประโยชน์แห่งภารจำยอมลดไปหรือเสื่อมความสะดวกตามที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าฎีกา

ส่วนการที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้านำแผงเหล็กมาปิดกั้นบนถนนหน้าอาคารพาณิชย์ของโจทก์ทั้งยี่สิบห้าหรือบางรายจอดรถจักรยานยนต์หรือวางวัสดุบนทางเท้านั้น เป็นการทำให้เกิดภาระเพิ่มขึ้นแก่ภารยทรัพย์ โจทก์ทั้งยี่สิบห้าไม่มีอำนาจกระทำได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1388 และ 1389 จำเลยที่ 1 มีสิทธิห้ามได้ที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าอ้างว่าจำเลยที่ 1 ไม่ดำเนินการก่อสร้างอาคารที่จอดรถตามที่ประกาศโฆษณาไว้นั้น ก็หาเป็นเหตุให้โจทก์ทั้งยี่สิบห้ามีอำนาจกระทำการดังกล่าวไม่ และเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้าเพราะเป็นการกระทำโดยชอบ ดังนั้นในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่โจทก์ทั้งยี่สิบห้าฎีกาว่าต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งยี่สิบห้าจึงไม่ต้องวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ทั้งยี่สิบห้าฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share