คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 403/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาท จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำบังคับ และหมายบังคับคดีของศาล การที่จำเลยขอขยายกำหนดการบังคับคดี โดยอ้างว่าการรื้อถอนอาคารพิพาทจำต้องใช้การคำนวณของนักวิชาการและต้องใช้เวลาถึง 502 วัน และในอาคารพิพาทมีคนงานทำงานอยู่เกือบ 60 คน ต้องให้เวลาหาสถานที่ให้แก่คนงานเหล่านั้นด้วย ยังไม่เป็นเหตุพ้นวิสัยอันจะเป็นมูลให้จำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้ พฤติการณ์ของจำเลยส่อไปในทางจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา จึงไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยต่อไป.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารและให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนอาคารพิพาทโดยให้มีควาสูงเพียง 8 เมตร
โจทก์ขอให้บังคับคดี
ศาลออกหมายบังคับคดีภายใน 30 วัน หลังจากพ้นกำหนดเวลาตามคำบังคับแล้ว จำเลยที่ 1 ยังฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1 ให้ปฏิบัติตามพิพากษา
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอขยายเวลารื้อถอนอาคารพิพาทออกไปอีก 2 ปี
โจทก์แถลงคัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามคำพิพากษา โดยรื้ออาคารพิพาทให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 เดือน
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เมื่อคดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 1 รื้อถอนอาคารพิพาทให้คงเหลือมีความสูงเพียง 8 เมตร โจทก์ขอให้บังคับคดี จำเลยที่ 1 จะต้องปฏิบัติตามคำบังคับและหมายบังคับคดีของศาล จำเลยที่ 1 ขอขยายกำหนดการบังคับคดี โจทก์ไม่ตกลงด้วย หากสภาพปฏิบัติตามคำบังคับเปิดช่องให้สามารถทำได้ศาลก็ต้องบังคับให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติตามคำพิพากษา จำเลยที่ 1ฎีกาอ้างเหตุขอขยายการบังคับคดีว่าการรื้อถอนอาคารพิพาทจำต้องใช้การคำนวณของนักวิชาการและระยะเวลา 502 วัน เพื่อมิให้ได้รับความเสียหาย ตลอดจนมีคนทำงานอยู่ในอาคารพิพาทรวม 60 คน จำเป็นจะต้องให้เวลาหาสถานที่ให้คนงานเหล่านั้นได้ทำงานต่อไป เพื่อมิให้คนงานและจำเลยเดือดร้อนทั้งอยู่ในระหว่างรื้อถอนอยู่แล้วแต่ยังไม่เสร็จ ขอให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 เรื่องขอขยายระยะเวลารื้อถอนอาคารพิพาทนั้น เหตุเพียงเท่าที่ฎีกามานี้ ยังไม่เป็นเหตุพ้นวินัยอันจะเป็นมูลให้จำเลยที่ 1 ยกขึ้นอ้างว่า ไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้ ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีไม่มีเหตุที่จะไต่สวนคำร้องของจำเลยที่ 1 และพฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ส่อไปในทางจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share