แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นยกฟ้องโจทก์ แต่รองเท้าไม้ของกลางจับได้จากนายประเสริฐ (ไม่ใช่จำเลย)เป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาตริบตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2490 มาตรา 3 ซึ่งเป็นบทหนัก โจทก์ฎีกาศาลฎีกาฟังว่ารองเท้าไม้นายประเสริฐถือมาอาจเป็นของนายประเสริฐเองแต่นายประเสริฐกลัวความผิดจึงปัดว่าเป็นของคนอื่น ไม่พอฟังว่าจับได้จากจำเลยพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (หมายเหตุ ศาลฎีกาพิพากษายืน มีผลถึงให้ริบรองเท้าไม้ของกลางได้ด้วยน่าจะเป็นเพราะมีการกระทำเกิดขึ้นแล้ว นายประเสริฐซึ่งเป็นเจ้าของรู้เห็นแล้วน่าจะไม่ขัดกับฎีกาที่225/2506 และเทียบเคียงได้กับฎีกาที่ 751/2507)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจนำเงินตราของประเทศลาว 948 ฉบับเป็นเงิน 263,370 กีบ เป็นของต้องกำกัดคิดเทียบเป็นเงินไทย 68,944.52 บาท เข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต และนำรองเท้าไม้สตรีหรือรองเท้าแตะ20 คู่ รวมราคาของและค่าอากร 780 บาท เข้ามาในราชอาณาจักร โดยเจตนาหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรโดยไม่รับอนุญาตมิได้ผ่านด่านศุลกากรโดยถูกต้อง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 พระราชบัญญัติว่าด้วยการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2482 มาตรา 3, 5พระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง พ.ศ. 2482 มาตรา 3, 8, 9 ริบของกลางและจ่ายรางวัล
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยนำเงินตราเข้ามาผิดพระราชบัญญัติว่าด้วยการนำเงินตราต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2482 มาตรา 3 และพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ที่แก้ไขแล้ว ปรับ 4 เท่า เป็นเงิน 273,378.08 บาท การนำรองเท้าไม้เข้ามาผิดตามกฎหมายที่โจทก์ฟ้อง แต่ลงบทหนักตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอก และนำเข้ามาในราชอาณาจักรฯ มาตรา 9 จำคุก 3 เดือนปรับ 3,000 บาท รวมจำคุก 3 เดือน ปรับ 276,378.08 บาท โทษจำคุกไม่ชำระค่าปรับกักขัง 1 ปี ริบของกลางจ่ายรางวัล
โจทก์ จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์ เงินกีบคืนจำเลย รองเท้าไม้สตรีของกลางจับได้จากนายประเสริฐเป็นของนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่รับอนุญาต ริบตามพระราชบัญญัติควบคุมการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2490 มาตรา 3 ซึ่งเป็นบทหนัก ยกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเงินกีบของกลาง รองเท้าไม้นายประเสริฐถือมาอาจเป็นของนายประเสริฐเอง แต่นายประเสริฐกลัวความผิดจึงปัดว่าเป็นของคนอื่นก็ได้ พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอรับฟังว่าจำเลยนำเงินกีบของกลางเข้ามาจากประเทศลาว และรองเท้าไม้ของกลางก็ฟังไม่ได้ว่าจับได้จากจำเลย พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์