แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาวนั้น โจทก์จะขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ระงับการมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ด้วยไม่ได้ เพราะโจทก์เพียงแต่มีสิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสองทั้งโดยสภาพของคำขอดังกล่าวไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับคดีได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายเลขาอิศรางกูร ณ อยุธยา เมื่อเดือนธันวาคม 2525 จำเลยได้มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว และได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว ขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยระงับการมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์หากจำเลยไม่ระงับการมีความสัมพันธ์ดังกล่าวให้ใช้ค่าทดแทนเดือนละ 5,000 บาท จนกว่าจะระงับ และให้จำเลยใช้ค่าทดแทนในระยะเวลาที่ผ่านมาเป็นเงิน 200,000 บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้มีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยระงับการมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ ให้จำเลยใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน50,000 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีฟังได้ว่าสามีโจทก์กับจำเลยมีความสัมพันธ์ต่อกันฉันชู้สาว ซึ่งตามพฤติการณ์ที่โจทก์นำสืบถือได้ว่าจำเลยได้แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ อันเป็นเหตุที่โจทก์จะฟ้องเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่ที่โจทก์ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้ระงับการมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ด้วยนั้นศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยที่โจทก์ฟ้องเป็นการแสดงตนโดยเปิดเผยเพื่อแสดงว่าตนมีความสัมพันธ์กับสามีโจทก์ในทำนองชู้สาว โจทก์เพียงแต่มีสิทธิที่จะเรียกค่าทดแทนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1523 วรรคสอง ทั้งโดยสภาพของคำขอดังกล่าวไม่เปิดช่องให้ศาลบังคับคดีได้ฉะนั้นที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาบังคับจำเลยตามคำขอในข้อนี้จึงเป็นการไม่ชอบสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ขอให้จำเลยระงับการมีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.