คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4014/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์เคยฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเช็คฉบับเดียวกันในมูลคดีและข้อหาเดียวกันกับที่ฟ้องคดีนี้ ก่อนฟ้องคดีนี้ 1 วัน เมื่อคดีแรกยังอยู่ในระหว่างพิจารณาศาลยังไม่ได้พิพากษา ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 173 วรรคสอง (1) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ไม่ต้องพิจารณาว่าต่อมาศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งในคดีแรกนั้นเป็นอย่างใด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓
ในวันนัดไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งงดการไต่สวน แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เกี่ยวกับเช็คฉบับเดียวกันนี้ โจทก์ฟ้องในมูลคดีและข้อหาเดียวกันกับที่ฟ้องคดีนี้อันถือได้ว่าเป็นคดีเรื่องเดียวกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อวันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๒๔ ซึ่งเป็นเวลาก่อนฟ้องคดีนี้เพียง ๑ วัน โจทก์อ้างว่า ในคดีแรก โจทก์มิได้ดำเนินการตามที่ศาลชั้นต้นสั่งให้นำมาส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องให้จำเลย ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งจำหน่ายคดีเสีย โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้อน เห็นว่าตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๗๓ วรรคสอง (๑) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ บัญญัติไว้ว่า นับแต่เวลาที่ได้ยื่นคำฟ้องแล้ว คดีนั้นอยู่ในระหว่างพิจารณา และผลแห่งการนี้ ห้ามไม่ให้โจทก์ยื่นคำฟ้องเรื่องเดียวกันนั้นต่อศาลเดียวกันหรือต่อศาลอื่น ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้หลังคดีแรกเพียง ๑ วัน คดีแรกศาลยังไม่ได้พิพากษา เป็นที่เห็นได้ชัดว่ายังอยู่ในระหว่างพิจารณา ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่โจทก์อ้างว่าศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งจำหน่ายคดีแรกนั้น ถึงอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ที่ศาลชั้นต้นจะสั่งจำหน่ายคดีแรกก่อนวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๒๘ ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เพราะในคดีแรก ยังไม่พ้นกำหนดเวลา ๗ วันที่โจทก์นำส่งหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องอยู่ ไม่จำต้องพิจารณาถึงว่าต่อมาศาลชั้นต้นจะพิพากษาหรือสั่งในคดีแรกนั้นเป็นอย่างใด เพราะเมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้นั้น คดีแรกยังอยู่ในระหว่างพิจารณา ฟ้องโจทก์ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่วันยื่นฟ้องแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share