คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2561

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ผู้ร้องจะมิได้ร้องขอให้บังคับคดีในคดีที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาภายในสิบปี อันทำให้สิ้นสิทธิในการบังคับคดีดังกล่าวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 271 (เดิม) แต่อย่างไรก็ดี ทรัพย์สิทธิจำนองของผู้ร้องยังคงอยู่ ซึ่งการบังคับคดีของโจทก์ในคดีนี้ย่อมไม่อาจกระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิจำนองของผู้ร้องได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 (เดิม) ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินดังกล่าวจากจำเลย ศ. และ ส. จึงเป็นบุคคลซึ่งชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินจำนองในคดีนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นคดีนี้ให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 287 (เดิม) ได้ แต่ผู้ร้องจะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่า 5 ปี ไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 193/27 ประกอบมาตรา 745 และในกรณีที่โจทก์สละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด ให้ผู้ร้องดำเนินการบังคับคดีต่อไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคแปด (เดิม)

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจาก โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 10273 ตำบลบ้านแพ้ว อำเภอบ้านแพ้ว (ตลาดใหม่) จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งมีชื่อจำเลย นายพุฒิเศรษฐ์ และนางสุพรรณี เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รวม และได้จดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ไว้กับผู้ร้อง เจ้าพนักงานบังคับคดีประกาศขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวโดยปลอดการจำนองนัดแรกวันที่ 21 กันยายน 2559
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 ผู้ร้องยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองก่อนโจทก์และเจ้าหนี้รายอื่น หากโจทก์สละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด ขอศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าสวมสิทธิบังคับคดีแทนโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ผู้ร้องในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะต้องใช้สิทธิในการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งภายใน 10 ปี นับตั้งแต่มีคำพิพากษาของศาลชั้นที่สุดในคดีนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 (เดิม) เมื่อศาลได้มีคำพิพากษาในคดีของผู้ร้องเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ ดังนั้น การร้องขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องจึงต้องกระทำภายในกำหนดเวลา 10 ปี ดังกล่าว การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นคดีนี้เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2559 เพื่อขอรับชำระหนี้จำนองนั้น จึงสิ้นสิทธิบังคับคดีเอากับทรัพย์จำนองของจำเลยทั้งสองแล้ว แต่อย่างไรก็ตามสิทธิจำนองยังคงอยู่ และผู้ร้องสามารถใช้ยันกับลูกหนี้ผู้จำนองหรือต่อบุคคลภายนอกที่รับโอนทรัพย์สินจำนองต่อไป ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา ศาลชั้นต้นมิได้สั่งอนุญาต แต่ให้รับคำร้องและอุทธรณ์ของผู้ร้อง และโจทก์จำเลยได้รับสำเนาคำร้องและอุทธรณ์แล้วไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกา ถือว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้ผู้ร้องยื่นอุทธรณ์โดยตรงต่อศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ วรรคสอง (เดิม) แล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองจากเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 10273 ก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 289 (เดิม) หรือไม่ เห็นว่า แม้ผู้ร้องจะมิได้ร้องขอให้บังคับคดีในคดีที่ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาภายในสิบปีอันทำให้สิ้นสิทธิในการบังคับคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 (เดิม) แต่อย่างไรก็ดี ทรัพยสิทธิจำนองของผู้ร้องยังคงอยู่ ซึ่งการบังคับคดีของโจทก์ในคดีนี้ย่อมไม่อาจกระทบกระทั่งถึงบุริมสิทธิจำนองของผู้ร้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 (เดิม) ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินดังกล่าวจากจำเลย นายศิลป์พิสิฐหรือศิลป์ชัย และนางสุพรรณีจึงเป็นบุคคลซึ่งชอบที่จะได้เงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินจำนองในคดีนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ผู้ร้องมีสิทธิยื่นคำร้องขอต่อศาลชั้นต้นคดีนี้ให้เอาเงินที่ได้มานั้นชำระหนี้ตนก่อนเจ้าหนี้รายอื่นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 (เดิม) ได้ แต่ผู้ร้องจะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่า 5 ปี ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/27 ประกอบมาตรา 745 และในกรณีที่โจทก์สละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด ให้ผู้ร้องดำเนินการบังคับคดีต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 วรรคแปด (เดิม) ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้ร้องฟังขึ้น กรณีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของผู้ร้องข้ออื่นต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลแห่งคดีเปลี่ยนแปลง
พิพากษากลับเป็นว่า ให้ผู้ร้องได้รับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดที่ดินโฉนดเลขที่ 10273 ตำบลบ้านแพ้ว อำเภอบ้านแพ้ว (ตลาดใหม่) จังหวัดสมุทรสาคร พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เป็นเงิน 1,077,518.80 บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 14.50 ต่อปี ที่ค้างชำระเป็นเวลา 5 ปี ก่อนเจ้าหนี้รายอื่น และในกรณีที่โจทก์สละสิทธิในการบังคับคดีหรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนด ให้ผู้ร้องดำเนินการบังคับคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share