คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 401/2532

แหล่งที่มา : 3

ย่อสั้น

การวินิจฉัยปัญหาว่าจำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์หรือไม่ นั้น แม้โจทก์มีประจักษ์พยานเพียงปากเดียว แต่ก็เบิกความอย่างมีเหตุผลไม่มีข้อพิรุธสงสัยยืนยันว่าจำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์ต่อหน้าพยาน ย่อมมีน้ำหนักดีกว่าพยานของจำเลยซึ่งมีเพียงแต่รายงานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ทำการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงิน ว่าน่าจะไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลย โดยที่ตัวจำเลยมิได้มาเบิกความสนับสนุนข้ออ้างของตน.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องให้แก่โจทก์ ลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยแต่เป็นลายมือปลอม ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมและคดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 106,960.75 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘…จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามฟ้องและต้องรับผิดชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์หรือไม่นั้นโจทก์มีนายรุ่งเดช กองกาญจนะ เป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2523 จำเลยได้มากู้เงินโจทก์และได้ลงชื่อในสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ. 3 ต่อหน้าพยานซึ่งพยานก็ได้ลงชื่อรู้เห็นเป็นพยานในสัญญากู้เงินดังกล่าวและจำเลยได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ. 4 ให้โจทก์ต่อหน้าพยานด้วย ส่วนจำเลยอ้างว่า จำเลยไม่เคยลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ. 4 นั้น คงมีแต่รายงานความเห็นของผู้เชี่ยวชาญซึ่งทำการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินเปรียบเทียบกับลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารหมาย ล. 1 ถึง ล. 21 และลายมือชื่อของจำเลยที่เซ็นต่อหน้าศาลว่า น่าจะไม่ใช่ลายมือชื่อของคนคนเดียวกันเป็นข้อสนับสนุนของจำเลย ศาลฎีกาเห็นว่าความเห็นของผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวเป็นพยานชั้นสองมิใช่ประจักษ์พยาน เพียงลำพังแต่ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะชี้ขาดความถูกต้องหรือแท้จริงได้ประกอบกับตัวจำเลยกลับไม่มาเบิกความเป็นพยานสนับสนุนข้ออ้างของตนให้มีน้ำหนักรับฟังได้ จึงเป็นข้อพิรุธน่าสงสัย ส่วนพยานหลักฐานโจทก์นอกจากนายรุ่งเดชจะเบิกความยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ. 4 ต่อหน้าตนแล้วยังมีหนังสือสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ. 3 มารับรองความสมบูรณ์แห่งมูลหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ. 4 ด้วย แม้โจทก์จะมีพยานปากนี้เพียงปากเดียวที่รู้เห็นว่าจำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ. 4ให้โจทก์ก็ตาม แต่คำเบิกความของพยานโจทก์ดังกล่าวก็มีเหตุผลและไม่มีเหตุพิรุธสงสัยดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเชื่อว่าพยานปากนี้เบิกความไปตามที่รู้เห็นจริง จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อยิ่งกว่าพยานหลักฐานจำเลย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้ลงลายมือชื่อในตั๋วสัญญาใช้เงินตามเอกสารหมาย จ. 4 ดังนั้นจำเลยต้องรับผิดตามเนื้อความในตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว โดยต้องชำระเงินตามจำนวนที่ระบุไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงิน พร้อมชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี และร้อยละ 20 ต่อปี ตามที่ระบุไว้ในตั๋วสัญญาใช้เงินให้โจทก์…’
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share