คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4009/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยร่วมและ ป. เป็นจำเลยในคดีอาญา ข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าพยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิด แต่ในคดีแพ่งนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาฝากทรัพย์ แล้วจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เมื่อสิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องคดีนี้ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม คดีนี้จึงมิใช่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เพราะคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้นหมายความถึงการที่จำเลยไปกระทำความผิดในทางอาญาและก่อให้เกิดความเสียหายในทางแพ่งเกี่ยวพันกันโดยตรงขึ้นมา ดังนั้น เมื่อคดีนี้มิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาแล้ว จึงไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงในส่วนอาญามาผูกพันทางแพ่ง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 2,400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยเงินฝากจำนวน 56,425.13 บาท รวมเป็นเงิน 2,456,425.13 บาท ให้แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องขอให้เรียกนายวัฒนาเข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต
จำเลยร่วมให้การขอให้ยกฟ้องโจทก์ และฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์แบ่งเงินจากบัญชีเงินฝากข้างต้น 1,200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยเงินฝากจำนวน 28,212.56 บาท ให้แก่จำเลยร่วม และชำระดอกเบี้ยจำนวนกึ่งหนึ่งจากดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 2,456,423.13 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 2,456,425.13 บาท ให้แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องวันที่ 25 สิงหาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้จำเลยและจำเลยร่วมร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ให้ยกฟ้องแย้งของจำเลยร่วม
จำเลยร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยร่วมใช้ค่าทนายความในชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์เป็นเงิน 5,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมส่วนที่เกี่ยวกับฟ้องแย้งในศาลชั้นต้นให้เป็นพับ
จำเลยร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า …ที่จำเลยร่วมฎีกาว่า ก่อนคดีนี้โจทก์ได้ฟ้องจำเลยร่วมและนางปราณีเป็นจำเลยในคดีอาญาข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าพยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยเป็นผู้กระทำความผิดตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1871/2546 ของศาลอาญาธนบุรี คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา จึงต้องฟังข้อเท็จจริงตามคดีอาญานั้น เห็นว่า ในคดีอาญานั้นโจทก์ฟ้องจำเลยร่วมและนางปราณีในข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม ส่วนในคดีแพ่งนี้โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามสัญญาฝากทรัพย์ แล้วจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลเรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งนี้สิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องคดีนี้ไม่ต้องอาศัยมูลความผิดทางอาญาฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมแต่อย่างใด คดีนี้จึงมิใช่เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เพราะคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญานั้น หมายความถึงการที่จำเลยไปกระทำความผิดในทางอาญาและก่อให้เกิดความเสียหายในทางแพ่งเกี่ยวพันกันโดยตรงขึ้นมา เมื่อคดีนี้มิใช่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาแล้ว จึงไม่จำต้องฟังข้อเท็จจริงในส่วนอาญามาผูกพันทางแพ่ง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยร่วมฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยร่วมใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์เป็นเงิน 5,000 บาท

Share