คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4005/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติยาสูบ มาตรา 19 วรรคแรก บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองเกินกว่า 500 กรัม ซึ่งหมายความว่าถ้าบุคคลใดมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในความครอบครองจำนวนไม่เกิน 500 กรัม ผู้นั้นย่อมไม่มีความผิดแต่ปรากฏว่าจำเลยมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในความครอบครองถึง 2,970 กรัมอันเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติในมาตรา 19 วรรคแรก ดังกล่าวแล้ว จึงไม่มียาสูบที่จำเลยอาจมีไว้ในครอบครองได้โดยไม่เป็นความผิดอีก และในการคิดค่าปรับต้องคิดจากจำนวนยาสูบ 2,970 กรัม มิใช่คิดจากส่วนที่เกิน 500 กรัม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 19, 44, 49กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2523) ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2523 ออกตามความในพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509มาตรา 19, 44, 49 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงปรับ 6,175 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทน ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ปรับสิบเท่าของแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิด โดยคำนวณจากยาสูบที่จำเลยมีไว้ในครอบครองทั้งหมดมิใช่หักยาสูบจำนวน 500 กรัม ออกจากยาสูบที่จำเลยมีไว้ในครอบครองก่อนที่จะคำนวณค่าปรับแก่จำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่า จะต้องหักยาสูบจำนวน 500 กรัม ออกจากยาสูบจำนวน 2,970 กรัม ที่จำเลยมีไว้ในความครอบครองก่อนคิดเงินค่าปรับหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า กรณีนี้พระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 19 วรรคแรกบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในความครอบครองเกินกว่า500 กรัม จึงทำให้บุคคลมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในความครอบครองได้ในจำนวนไม่เกิน 500 กรัม โดยไม่เป็นความผิด แต่คดีนี้จำเลยมียาสูบที่ไม่ได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในความครอบครองเป็นจำนวนถึง 2,970 กรัม ซึ่งเกินกว่าจำนวนยาสูบตามที่มาตรา 19 วรรคแรก กำหนดไว้ จึงเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติมาตรา 19 วรรคแรกและมีโทษตามมาตรา 49 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 19 ฯลฯ ต้องระวางโทษปรับสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิด เมื่อจำเลยครอบครองยาสูบจำนวน 2,970 กรัม โดยฝ่าฝืนมาตรา 19 วรรคแรก แล้ว จึงไม่มียาสูบที่จำเลยอาจมีไว้ในความครอบครองได้โดยไม่เป็นความผิดอีก การคิดค่าปรับจึงต้องคิดจากจำนวนยาสูบ 2,970 กรัมนั้น ในการคิดเงินค่าปรับดังกล่าว กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2523) ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2523 ซึ่งออกตามความในพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 ได้กำหนดให้บุหรี่ซิกาแรตที่ผลิตจากต่างประเทศปิดแสตมป์ยาสูบกรัมละ 50 สตางค์ จำเลยมียาสูบอันเป็นความผิดจำนวน 2,970 กรัมเมื่อปรับ 10 เท่าของแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิด จึงเป็นเงินค่าปรับทั้งสิ้น 14,850 บาท”
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509มาตรา 19 วรรคแรก, 49 กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2523) ออกตามความในพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม 2523 ปรับเป็นเงิน14,850 บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงปรับเป็นเงิน 7,425 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share