คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4003/2541

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

รถจักรยานยนต์ของกลางที่ใช้แข่งขันกันตามถนนหลวงที่คนทั่วไปต้องใช้สัญจรไปมาเป็นทรัพย์สินที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1)การที่จำเลยทั้งสองได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางแข่งขันกันโดยฝ่าฝืนกฎหมายและคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนรำคาญและอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่น เป็นพฤติการณ์ที่พึงริบรถจักรยานยนต์ของกลางแม้รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของบิดาจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วย ก็เป็นเรื่องที่เจ้าของแท้จริงจะต้องร้องขอคืนของกลางต่อศาล ไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ขับรถจักรยานยนต์แข่งขันกันบนถนนเทศบาล 1 โดยจำเลยทั้งสองมิได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานตามกฎหมาย เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมรถจักรยานยนต์สองคันดังกล่าวเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134, 160ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83 ริบรถจักรยานยนต์ของกลางและใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยแก่จำเลย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 134, 160 ลงโทษจำคุกคนละ 2 เดือน ปรับคนละ 4,000 บาท จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 1 เดือน ปรับคนละ2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ให้พักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถจักรยานยนต์ของจำเลยทั้งสอง 2 เดือน และให้คุมความประพฤติจำเลยทั้งสองโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน เป็นเวลา 1 ปี และให้กระทำกิจกรรมบริการสาธารณประโยชน์ตามที่จำเลยและพนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร เป็นเวลา 12 ชั่วโมง ส่วนของกลางยังไม่สมควรริบให้คืนเจ้าของ
โจทก์อุทธรณ์ให้ใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยโดยทำทัณฑ์บนและริบของกลางโดยอัยการพิเศษประจำเขต 3 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลางด้วยนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วคดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยที่ 1 ว่า สมควรริบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อคาจีว่าของกลางหรือไม่ เห็นว่า รถจักรยานยนต์ของกลางที่ใช้แข่งขันเป็นทรัพย์สินที่จำเลยทั้งสองได้ใช้ในการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33(1) เมื่อปรากฏว่าถนนหลวงเป็นทางที่คนทั่วไปต้องใช้สัญจรไปมา จำเลยทั้งสองได้ขับรถจักรยานยนต์ของกลางแข่งขันกันโดยฝ่าฝืนกฎหมายและคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจรโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนรำคาญและอาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลอื่น เป็นพฤติการณ์ที่ถึงริบรถจักรยานยนต์ของกลาง ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า รถจักรยานยนต์ของกลางเป็นของบิดาจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วย ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ควรริบของกลางนั้นเห็นว่า เป็นเรื่องที่เจ้าของแท้จริงจะต้องร้องขอคืนของกลางต่อศาลไม่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ริบรถจักรยานยนต์ของกลางนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share