แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะที่นายทะเบียนยานพาหนะออกให้นั้น ไม่เป็นเอกสารสิทธิ แต่เป็นเอกสารราชการ
โจทก์บรรยายฟ้องหาว่าจำเลยปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการขอให้ลงโทษตามมาตรา 266 เมื่อทางพิจารณาได้ความว่า เอกสารที่จำเลยทำปลอมเป็นเพียงเอกสารราชการศาลก็ลงโทษตามมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษเบากว่าได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้อง จำเลยให้การรับสารภาพ ฟังได้ว่า จำเลยแกะรูปถ่ายของสิบโทวีระพงษ์ ซึ่งติดประจำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะที่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดสุรินทร์ออกให้สิบโทวีระพงษ์ออกแล้วเอารูปของจำเลยติดแทน และแก้ชื่อกับอายุผู้ถือใบอนุญาตโดยลบคำว่า “ส.ท.” ออกใส่คำว่า “นาย” กับแก้อายุโดยลบเลข “31” ออกใส่เลข “23” แทน เพื่อให้ผู้ที่พบเห็นเข้าใจว่าเป็นใบอนุญาตที่เจ้าพนักงานออกให้จำเลย และเพื่อให้เจ้าพนักงานเชื่อว่าเป็นเอกสารที่แท้จริง จำเลยได้นำเอกสารดังกล่าวแสดงต่อสิบตำรวจโทเที่ยงกับพวก ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดสุรินทร์ และสิบตำรวจโทเที่ยงกับพวกและประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 226, 268 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ใบขับขี่รถยนต์ไม่ใช่เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการตามมาตรา 266 จำเลยคงผิดตามมาตรา 264, 268 ให้จำคุก 1 ปี ลดโทษตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือนของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า ใบขับขี่รถยนต์สาธารณะเป็นเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการ ขอให้ลงโทษตามฟ้อง หากฟังว่าเป็นเอกสารราชการก็ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265
ศาลฎีกาเห็นว่า ใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สาธารณะที่นายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดสุรินทร์ออกให้นี้ เป็นเพียงอนุญาตให้ขับขี่รถยนต์สาธารณะได้เท่านั้น ไม่ได้เป็นหลักฐานแห่งการก่อ เปลี่ยนแปลงโอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิแต่อย่างใด จึงฟังไม่ได้ว่าเอกสารที่จำเลยปลอมและนำออกแสดงนี้เป็นเอกสารสิทธิ แต่เป็นเอกสารที่เจ้าพนักงานนายทะเบียนยานพาหนะจังหวัดสุรินทร์เป็นผู้ทำขึ้นจึงเป็นเอกสารราชการ แม้โจทก์จะมิได้อ้างมาตรา 265เป็นบทลงโทษมาด้วย ก็ปรากฏว่าโจทก์ขอให้ลงโทษตามมาตรา 266 ในข้อหาบทหนักโดยบรรยายฟ้องว่าปลอมเอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการมา ศาลก็ลงโทษจำเลยตามมาตรา 265 ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่าได้ พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดมาตรา 265, 268 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 268 กระทงเดียว นอกนั้นยืน